โฆษกรัฐบาล ย้ำ นายกฯ ไฟเขียวให้อำนาจกองทัพตัดสินใจ
วันนี้ (11 พ.ย. 68) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงแนวทางต่างๆ เพื่อให้การสื่อสารไปยังประชาชนเป็นไปในทิศทางเดียวกันและไม่คลาดเคลื่อน
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยังไม่ถือเป็นการสั่งการใด ๆ ที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนก และไม่มีการกำหนดกรอบเวลาระงับความร่วมมือ โดยกระทรวงกลาโหมจะประเมินสถานการณ์ไปจนกว่าความเป็นปฏิปักษ์ของกัมพูชาจะลดลง
“วันนี้การที่ทหารไทยเหยียบกับทุ่นระเบิดที่กัมพูชา วางไว้ในดินแดนไทย เป็นการแสดงให้เห็นว่า ความเป็นปฏิปักษ์ของกัมพูชาที่มีต่อประเทศไทยยังคงอยู่” นายสิริพงศ์ กล่าว
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ข้อตกลงเดิมและความร่วมมือที่ต้องอาศัยกัมพูชา เช่น คณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) ต้องงดไปก่อน ส่วนที่ไทยดำเนินการได้เองก็จะทำต่อไป นอกจากนี้ รัฐบาลได้ใช้มาตรการเชิงสัญลักษณ์ โดยการต่อขยายอายุแรงงานที่หมดอายุ ซึ่งเดิมมี 4 ชาติ (ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม) ขณะนี้ได้ตัดกัมพูชาออกไป เหลือเพียง 3 ชาติ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากทหารได้รับบาดเจ็บอีกจะมีมาตรการตอบโต้ที่รุนแรงขึ้นหรือไม่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นยุทธศาสตร์และการดำเนินการของฝ่ายความมั่นคง ไม่ใช่ฝั่งบริหาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้การสนับสนุน หรือ “ไฟเขียว” ให้ฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้ดำเนินการตัดสินใจ












