POLITICS

นายกฯ อนุทิน ย้ำ เร่งเนรเทศต่างชาติที่หลบหนีเข้าเมืองจากเมียนมา

นายกฯ อนุทิน ย้ำ เร่งเนรเทศต่างชาติที่หลบหนีเข้าเมืองจากเมียนมา ประสานทุกประเทศรับตัวกลับไปดำเนินคดี ร่วมมือปราบปรามสแกมเมอร์ ยังคงมาตรการ 3 ตัด ชายแดนไทย-เมียนมา

วันนี้ (10 พ.ย. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงข่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามการช่วยเหลือบุคคลต่างชาติ และการปราบปรามสแกมเมอร์ โดยมี นายสวนิต สุรยกุล ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวรายงานสรุปสถานการณ์ ร่วมกับ พลโท วรเทพ บุญญะ แม่ทัพภาคที่ 3 และ พล.ต.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมประชุมด้วย

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าลงพื้นที่วันนี้เพื่อมาดูการปฏิบัติการส่งตัวชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้าเมืองให้กลับภูมิลำเนา เป็นไปตามนโยบายที่ตนให้ไว้ เพราะเราจะเก็บคนเหล่านี้ไว้นานๆไม่ได้ จะเสียงบประมาณในการดูแล ก็ต้องเร่งประสานงานกับประเทศต่างๆให้มารับตัวกลับไป โดยดำเนินการทางการทูตและการดำเนินคดีตามมาตรการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

สำหรับวันนี้นายกรัฐมนตรีได้ร่วมส่งชาวอินเดีย 195 ที่ช่วยเหลือมาจากเคเคปาร์ค เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ร่วมกับ นายนาเคศ สิงห์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คุ้นเคยกับทูตอินเดียเป็นการส่วนตัว รับทราบมาว่า ที่จ.ตาก มีชาวต่างชาติที่เป็นผู้ต้องหาลักลอบเข้าเมือง มาจำนวนเกือบพันคน เมื่อมีความรุนแรง ในประเทศเมียนมาจึงต้องหนีเข้ามาไทย จึงได้หารือกับทูตอินเดีย ประสานงานงานไปยังรัฐบาลอินเดีย จึงเกิดความร่วมมือรับคนเหล่านี้กลับไปอินเดีย ไทยได้ส่งมอบตัวตามหลักกฏหมาย เพราะถือว่าต้องคำพิพากษาหลบหนีเข้าเมือง มีโทษ ก็ให้นำตัวกลับไปดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมของอินเดีย

“ในที่ประชุมได้เร่งกำชับให้ ผบ.ตร.และเลขา สมช. ได้ช่วยกันคัดกรองคนที่เข้ามาในประเทศ ถ้าไม่ได้มาท่องเทียว หรือประกอบสัมมาชีพ ต้องสอดส่องดูแลเป็นพิเศษ ไม่ใช่ให้เดินทางเอาไทยมาเป็นช่องทางผ่าน ไปเป็นสแกมเมอร์ ทำธุรกิจหลอกลวงประชาชนในประเทศเพื่อนบ้าน พอมีปัญหาปราบปราม แล้ววิ่งกลับมาไทย เราไม่สนับสนุนเรื่องพวกนี้ เชื่อว่าคนพวกนี้มาแล้วไม่อยากกลับหรอก แต่เรา ไม่ให้ที่พักพิงเลี้ยงดู ถึงต้องดำเนินการติดต่อกับรัฐบาลอินเดีย ขอร้องให้มารับคนกลับไป”

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จะใช้โมเดลนี้กับประทศอื่นๆด้วย เช่นประเทศในแอฟริกา ให้แนวทาง ผบ.สตม.เสนอตามลำดับชั้น ถ้าไม่มีเครื่องบินมารับ จะทำยังไงต่อไป เพราะถ้าต้องดูแลระหว่างส่งกลับแล้วต้องใช้เวลาเกือบปี ต้องเสียค่าอาหารต่อหัว 3 มือ ในระหว่างควบคุมขัง ถ้าเทียบกับซื้อตั๋วเครื่องบินอันไหนถูกกว่า ดังนั้นก็ต้องผลักดันกลับให้เร็วที่สุด

“ผมใช้คำว่า เนรเทศ แม้คำแรงไป แต่ต้องไม่ให้คนเหล่านี้มาใช้งบประมาณของไทย เราต้องเร่งผลักดันออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ได้ให้นโยบายในการคัดกรองชาวต่างชาติ ถ้าไม่ได้มาเป็นนักท่องเที่ยว ก็ต้องติดตามเส้นทาง ไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ไม่ให้ไทยเป็นศูนย์กระจายมนุษย์ไปประเทศเพื่อนบ้าน

“ผมเข้ามาเดือนเดียว เห็นปัญหานี้อยู่ จะต้องพยายามทำให้ลดน้อยลง ตอนนี้ทุกคนเห็นแล้วว่า เรื่องสแกม อาชญากรรมข้ามชาติ ออนไลน์เป็นวาระแห่งชาติ มีการทำงานเป็นรูปธรรม บูรณาการกันทั้ง ทหาร ตำรวจ ปกครอง ฝ่ายสนับสนุน การติดตามเส้นทางการเงิน การฟอกเงิน ยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์”

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ยังคงมาตรการ 3 ตัด ในปราบปรามสแกมเมอร์ชายแดนไทย-เมียนมา และทำในพื้นที่ชายแดนทั้งหมด ทั้งตัดไฟฟ้า ตัดเนต และตัดเชื้อเพลิง ไม่สนับสนุนกิจกรรมที่เป็นภัยความมั่นคงของชาติ

ส่วนการขยายผลเครือข่ายสแกมเมอร์และขบวนการนำพา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการอยู่ได้กวาดล้างเครือข่ายของผู้ที่ถูกเพิกถอนสัญชาติ รวมถึงการจับสตาร์ลิงค์ทั้งในแม่สอด และกรุงเทพมหานคร ที่ถูกใช้เป็นอาชญากรรมเทคโนโลยี ทางกรมศุลากรก็ต้องทำงานอย่างหนักไม่ให้สินค้าเหล่านี้ถูกลักลอบได้ แม้จะเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ทางลำน้ำโขง ก็ต้องจัดการกับขบวนการเหล่านี้

“ขยายผลเป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่ทำตามมาตรการปราบปรามสแกมเมอร์ เพราะเป็นขบวนการใหญ่มาก เรากำลังทำสงครามกับสิ่งเหล่านี้” นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำ

Related Posts

Send this to a friend