‘อนุทิน’ ประกาศเดินหน้าตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ มั่นใจตัวเลขเพียงพอ
‘อนุทิน’ ประกาศเดินหน้าตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ มั่นใจตัวเลขเพียงพอ ทำงาน 4 เดือน รับเงื่อนไขตามพรรคประชาชน ชี้ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติ บอก พร้อมเป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี 62 ด้าน สส. เพื่อไทย โผล่หนุน คาดมีกว่า 10 เสียง ขณะกลุ่ม ‘สุชาติ’ ร่วม 16 เสียง
วันนี้ (29 ส.ค. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.กลุ่ม 18 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เราทุกคนซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้มารวมตัวกันเพื่อที่จะแสดงความพร้อมในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป เพื่อที่จะทำให้ปัญหาของประเทศได้รับการแก้ไข และคลี่คลายโดยเร็ว ทำให้การขับเคลื่อนของประเทศไทยที่รักของเราได้ดำเนินหน้าต่อไปโดยไม่มีการหยุดชะงัก

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ตนเองหลังจากที่ได้รับทราบเงื่อนไขที่ทางพรรคประชาชนได้แจ้งให้กับพี่น้องประชาชนได้รับทราบแล้ว ว่าในการขอรับการสนับสนุนจากพรรคประชาชนให้ไม่เกิดช่องว่างในการบริหารราชการแผ่นดินนั้น เราทั้งหมดในที่นี้ ได้รับทราบเงื่อนไขของพรรคประชาชน มีการหารือกัน และมีการพูดคุยชี้แนะแนวทาง และมอบให้ตนเองไปหารือกับพรรคประชาชนเมื่อหัวค่ำที่ผ่านมา ซึ่งได้รับทราบเจตนารมย์ของเราทุกคนแล้ว และเงื่อนไขของพรรคประชาชน เราจะดำเนินการตามสิ่งที่ได้มีการหารือกันไว้ และในรายละเอียดได้เห็นพร้อมตรงกันทุกประการ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ภายหลังทราบผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พวกเรามารวมตัวกัน และเห็นว่าจะปล่อยให้ประเทศไทยหยุดชะงักไม่ได้ ซึ่งปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะเหตุผลที่บางทีเหมือนเส้นผมบางภูเขา ถ้าเป็นกลุ่มเดิมอาจแก้ไขไม่ได้ แต่ถ้ากลุ่มพวกเรา เรามั่นใจว่าเราจะแก้ไขได้ เรามีความห่วงใยบ้านเมือง มีความต้องการที่จะคืนความสงบสุขทั้งหลายให้กับบ้านเมืองของเรา พวกเราในที่นี้เมื่อรวมเสี่ยงกับพรรคประชาชนแล้วเรามั่นใจว่าเราสามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศ เงื่อนไขต่าง ๆ ที่มีคือเรื่องการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขปัญหา คืนความสงบสุขเจรจากับประเทศที่มีปัญหาในเรื่องของความสัมพันธ์ประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์อย่างรุนแรง และเมื่อดำเนินการสองเรื่องหลักนี้นอกจากการบริหารราชการแผ่นดินทั่วไปแล้วเราจะคืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชนภายในเวลา 4 เดือน หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายรับตำแหน่ง ด้วยการยุบสภา เพื่อให้ประชาชนได้รีเซ็ตประเทศอีกครั้ง และได้ใช้อำนาจของพี่น้องประชาชนตัดสินใจอนาคตของบ้านเมือง เราทุกคนต้องเข้าใจว่ามีอุปสรรคมากมาย การอยากอยู่ตรงนี้ก็ต้องแลกกับการสูญเสียบางอย่างของพรรคร่วม ของพี่น้องพวกเราทั้งสิ้น แต่ว่าเราจะปล่อยให้ประเทศอยู่โดยที่มีความเคลือบแคลงสงสัยหรือความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน
“เราขอเข้ามาแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองในทุก ๆ ด้านและคืออำนาจให้กับพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด” นายอนุทิน กล่าว
ส่วนพรรคประชาชนตอบรับสนับสนุนนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การที่เราได้พูดคุยกับพรรคประชาชน เราพูดในหลักการในทีโออาร์ที่พรรคประชาชนได้นำเสนอมา ซึ่งเราก็สามารถที่จะสอดคล้องตอบรับทีเช่นนั้นได้ด้วยความเป็นห่วงบ้านเมือง และหน้าที่ของการรวบรวมเสียง คือหน้าที่ของพวกเราทุกคน ซึ่งพรรคประชาชนในหลักการก็ถือว่าไม่ได้มีข้อขัดแย้ง หรือการไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด เพียงแต่เหลือในเรื่องของรายละเอียดปลีกย่อยเพราะพรรคประชาชนต้องการให้มีการตกลงกัน และมีลายลักษณ์อักษรกำกับไว้ซึ่งก็เป็นแนวทางการทำงานของพรรคประชาชน โดยจะมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศของเรา
ส่วนเงื่อนไขของพรรคประชาชนในการยุบสภาเร็วเกินไป เรารับเรื่องด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าอยู่ในเงื่อนไข เราก็ต้องรับเงื่อนไขนั้น มันไม่มีคำว่าเร็วเกินไป หรือช้าเกินไป เรารู้ว่าเงื่อนไขเวลามีเท่านี้ ดังนั้น เราจะต้องไปจัดลำดับความสำคัญของปัญหาของบ้านเมืองที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยทันทีซึ่งเราคิดว่าทุกคน รวมถึงพรรคกล้าธรรมที่ตนเองได้ไปพบมาเมื่อสักครู่นี้ เรามีประสบการณ์ความสามารถ และมีความจริงใจตั้งใจแก้ปัญหาและลดความกังวลใจของประชาชน

เมื่อถามว่าขณะนี้มีกี่เสียง นายอนุทิน กล่าวว่า ลองนับดู เราไม่เอาเรื่องคำนวณตัวเลขมามันทำให้เกิดการต้องมีเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ตอนนี้ถือว่าเรามาทำงานให้บ้านเมือง และถือว่ามีเสียงสนับสนุนเพียงพอที่เราจะเร่งจัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารราชการแผ่นดินได้
เมื่อถามย้ำว่า พรรคกล้าธรรมมาร่วมแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่า หากฟังการแถลงข่าวร่วมของหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ก็ยืนยันว่าร่วมแล้ว
เมื่อถามถึงพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ปิดกั้น รัฐบาลครั้งหน้า เป็นรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์แน่นอนเฉพาะกิจ จะต้องจัดทำเรื่องที่มันแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ให้ผ่านไปได้โดยเร็ว เพราะฉะนั้น ถ้าพรรคในกลุ่มใด ที่เห็นว่ามีความสามารถช่วยกันสร้างชาติทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ พวกเราทุกคนในที่นี้จะไม่มีการตั้งแง่ใด ๆ ทั้งสิ้น
ส่วนได้ยกหูพูดคุยแล้วหรือไม่กับพรรคร่วมรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ตอนนี้คุยกันก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว และตอนนี้มีเสียงเพียงพอที่จะนำเสนอให้กับทางพรรคประชาชนได้มีความวางใจ ว่าการร่วมมือระหว่างประชาชนกับกลุ่มของพวกเราจะทำประโยชน์ให้กับประเทศเต็มที่

เมื่อถามว่าขณะนี้พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรีของตนเอง ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และแคนดิเดตของพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องบอกว่าเพราะมาตั้งแต่ปี 2562 แล้ว
เมื่อถามว่าห่วงเรื่องการชิงยุบสภาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนเองขอไม่ก้าวล่วงตรงนั้น ซึ่ง ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธารสิ้นสุดลงทำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตอนนี้ทุกคนมาสร้างบ้านสร้างเมืองต่อดีกว่า ซึ่งกระบวนการในการเลือกนายกใหม่ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น
เมื่อถามว่า เพื่อไทยจะเสนอชื่อแข่ง มีความกังวลเรื่องการดีลไม่ลงตัวและย้ายฝั่ง นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยไม่มีแล้ว พรรคพลังประชารัฐมีหรือไม่
ต่อมานายสันติ พร้อมพัฒน์ กล่าวว่า ที่ตนเองมา เป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองเศรษฐกิจโลก และประชาชนกำลังลำบาก หากว่าเราไม่ผนึกกำลังให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อดูแลประเทศ และการพัฒนาต่าง ๆ ที่มีความสำคัญ ดังนั้น ก็เห็นว่ามีความเหมาะสมเลยได้จับมือไปด้วยกัน

เมื่อถามถึงกลุ่ม 18 ของนายสุชาติ ว่ามาเพราะเหตุผลอะไร นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องถามหัวหน้ากลุ่ม
ด้านนายสุชาติ กล่าวว่า พวกตนเองมากัน 16 คนด้วยกันใช้เอกสิทธิ์ของ สส. ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองให้เดินหน้าต่อไป
ส่วนได้พูดคุยกับกลุ่มของนายพีระพันธ์ุหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องเอกสิทธิ์ของ สส. ซึ่งตนเองก็เป็น สส. ทุกคนเรามีสิทธิ์ในเอกสิทธิ์ของหนึ่งคน หนึ่งสิทธิ์ ซึ่งเราก็พูดกัน 16 ท่านที่เห็นตรงกัน และเดินมาอยู่ตรงจุดนี้ด้วยกัน
ด้านนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส. กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า อยากให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปในทางที่ดีขึ้น ก็เลยมาสนับสนุนนายอนุทิน เป็นนายกฯ ส่วนพรรคเพื่อไทย จะมาประมาณ 10 กว่าคน
เมื่อถามย้ำว่าได้พูดคุยกับพรรคแล้วหรือไม่ นายศักดิ์ดา กล่าวว่า เป็นเอกสิทธิ์ของตนเอง ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาอะไรกับต้นสังกัด แต่เราอยากเห็นบ้านเมืองไปได้ ตนเองเป็นผู้แทนบ้านนอก เห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และมั่นใจว่านายอนุทินเหมาะสมที่สุด













