นายกฯ ยันเดินหน้า ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ กำชับ สส. พรรคร่วมฯ แจง ปชช.

วันนี้ (29 เม.ย. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีผลสำรวจความคิดเห็นที่ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. หรือร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อาจไม่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยกล่าวถึงผลกระทบหากเป็นเช่นนั้นว่า ได้สั่งการให้ สส. พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชน เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่และมีหลายประเด็นที่ต้องชี้แจงให้ชัดเจน

นายกรัฐมนตรี อธิบายว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นการลงทุนจากภาคเอกชนต่างชาติ ซึ่งหากมีกลไกนี้ ประเทศจะสามารถจัดเก็บภาษีได้ ถือเป็นประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับ ส่วนการพิจารณาว่าจะผ่านหรือไม่นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของสภาฯ สส. ทุกพรรคมีหน้าที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ชี้แจงในประเด็นที่อาจยังเข้าใจผิดหรือไม่ชัดเจน พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาแล้ว จึงต้องดำเนินการทำความเข้าใจต่อไป และเมื่อ สส. ลงพื้นที่ก็จะรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนกลับมา ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะรับฟังความคิดเห็นเหล่านี้อย่างแน่นอน

นางสาวแพทองธาร ยังระบุด้วยว่า ได้กำชับและพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคแล้ว เพื่อขอความร่วมมือให้ สส. ในสังกัดช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องนี้ ซึ่งแต่ละพรรคก็มีแนวทางการสื่อสารของตนเอง

ส่วนข้อกังวลว่าการแสดงท่าทีของ สส. บางคนในสภาฯ ก่อนหน้านี้ อาจเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยนำมาโจมตีและทำให้การผลักดันร่างกฎหมายสะดุดลงหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังพอมีเวลาก่อนเปิดสมัยประชุมสภาฯ ซึ่งจะพยายามดำเนินการเรื่องนี้ให้ดีที่สุด โดยเชื่อมั่นว่านโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไปแล้วนั้น จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประเทศ มิเช่นนั้นคงไม่ตัดสินใจริเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมา

ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกรัฐมนตรีว่าจำเป็นต้องสอบถามหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยซึ่งยืนอยู่ใกล้เคียงหรือไม่ ว่าภายในพรรคมีความเห็นสอดคล้องกันแล้วในเรื่องนี้ นางสาวแพทองธารจึงถามผู้สื่อข่าวกลับทำนองว่า จะให้ส่งไมโครโฟนสัมภาษณ์ต่อให้กับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ก่อนจะผายมือไปทางนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่นายอนุทินได้แจ้งว่าจะให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีแถลงเสร็จสิ้น

นายกรัฐมนตรีจึงกล่าวเสริมว่า ไม่ได้มีปัญหาใดๆ ในเรื่องนี้ เพราะได้พูดคุยกับนายอนุทินแล้ว และต่างทราบดีว่าเป็นนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาร่วมกัน