‘พิชัย’ เผยยังไม่ไปเจรจาภาษีสหรัฐฯ เร่งวางแผนให้รัดกุมรอบด้านเตรียม 5 มาตรการสร้างสมดุลการค้า 10 ปี
วันนี้ (8 เม.ย. 68) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาแก้ไขปัญหากำแพงภาษีกับสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ , นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันแถลงข่าวหลังการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี ว่ารัฐบาลติดตามเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯ มาต่อเนื่องหลายเดือน และได้เตรียมการเบื้องต้นไว้แล้ว โดยมองเห็นปัญหาที่แท้จริงของสหรัฐฯ คือต้องการแก้ไขปัญหาการเสียดุลการค้าและดึงฐานการผลิตกลับประเทศ
ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการต่อไปคือพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาภาษีที่ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ และขอให้มั่นใจว่าวิธีการแก้ไขนี้จะเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย เป็นการยกระดับการทำงานและการผลิตของไทย แม้ว่าจะเป็นวิกฤติที่น่าหนักใจ แต่ก็ถือเป็นโอกาสในการยกระดับการค้าของไทยให้สูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารสัตว์
นายพิชัย ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้จัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอต่อคณะทำงานและคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนนำไปสู่การเจรจาในระดับผู้แทนการค้าของทั้งสองประเทศ โดยตนเองจะดูแลภาพรวมตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ย้ำว่าจะต้องดำเนินการภายใต้จุดแข็งที่ประเทศไทยมี เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เตรียม 5 มาตรการในการเจรจากับสหรัฐฯ ได้แก่ 1. เพิ่มการนำเข้าสินค้า เช่น ข้าวโพดและเครื่องในสัตว์ 2. ลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ที่ไทยเก็บในอัตราสูง และเพิ่มโควตานำเข้า 3. แก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคทางการค้า 4. แก้ไขปัญหาสินค้าที่สวมสิทธิ์ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ และ 5. นำเข้าพลังงานจากสหรัฐฯ มากขึ้น
นายพิชัย กล่าวว่า ยังได้หาวิธีที่เป็นประโยชน์ทางการค้าร่วมกัน เพื่อสร้างสมดุลทางการค้าภายใน 10 ปี พร้อมยอมรับว่ามาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสินค้าส่งออกหลักของไทย ดังนั้นหากมีความจำเป็นในการขยายเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 64% จากเพดาน 70% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ก็เป็นแนวทางที่เป็นไปได้
นายพิชัย ยอมรับว่า แม้จะเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข แต่จะยังไม่ดำเนินการทันที โดยต้องมีการวางแผนและแนวทางการทำงานที่รอบคอบเพื่อให้เกิดผลสำเร็จมากที่สุด ส่วนกำหนดการเดินทางไปยังสหรัฐฯ ยังไม่สามารถระบุได้ แต่ขณะนี้ทางสหรัฐฯ รับทราบแล้วว่ารัฐบาลไทยกำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้ทั้งสองประเทศได้รับประโยชน์ร่วมกัน
นายพิชัย กล่าวว่า เงื่อนไขที่สหรัฐฯ ตั้งขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างหนัก ดังนั้นจึงต้องมีการสร้างสมดุลทางการค้าในระดับโลก ส่วนการรวมกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อเจรจากับสหรัฐฯ นั้น แต่ละประเทศมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถเจรจาพร้อมกันได้
นายพิชัย กล่าวอีกว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องราคาสินค้าไทยในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นมากน้อยเพียงใด แต่มีรายงานว่าเริ่มมีการกักตุนสินค้าหลายประเภทหลังจากมีสัญญาณเรื่องการปรับภาษีนำเข้า
เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลชุดนี้ นายพิชัย ย้ำว่า หากไม่พึ่งรัฐบาลแล้วจะไปพึ่งใคร












