‘เพื่อไทย’ เรียกประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ถกแก้ รธน.
‘เพื่อไทย’ เรียกประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ถกแก้ รธน.ขาด ’ภูมิใจไทย’ จ่อเจรจาพรรคประชาชน ชี้เดินต่อก็ถูกปัดตก เล็งยื่นศาลตีความ
วันนี้ (14 ก.พ. 68) พรรคเพื่อไทย นัดประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาวาระร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวดมาตรา 15/1 หลังจากที่เมื่อวานนี้องค์ประชุมไม่ครบ จนทำให้ต้องปิดประชุมไป
โดยแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่เดินทางมาร่วมประชุม อาทิ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เป็นประธานการประชุม ส่วนแกนนำพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เข้าร่วม
นายชูศักดิ์ กล่าวว่าพวกเราจะลงไปเป็นองค์ประชุม เราเห็นว่าการประชุมในวันนี้ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยต้องการล้มร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะเราต้องไปเริ่มต้นใหม่ จึงมีความคิดว่าการพิจารณาวันนี้ไม่ควรนำไปสู่การลงมติ อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมยังคงค้างอยู่ในสภาฯ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย
เมื่อถามว่าการประชุมในวันนี้จะมีการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า จะพิจารณาหรือไม่ หากนำไปสู่การพิจารณาก็จะต้องมีการลงมติแต่ชัดเจนอยู่แล้วว่าท้ายที่สุดก็ตก ต้องไปเริ่มต้นใหม่ยาว เราก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ดีที่สุดคือ การชะลอเรื่องนี้ไปก่อน
ส่วนพรรคประชาชนต้องการเดินหน้า แต่พรรคภูมิใจไทยไม่เอานั้น ก็จะต้องมีการพูดคุยกับพรรคประชาชนให้รู้เรื่อง หากมีการเดินต่อก็จะตก คุณจะเลือกอย่างไร ชะลอไว้ก่อนไม่ดีกว่าหรือ โดยจะมอบหมายให้ประธานวิปรัฐบาลไปพูดคุยกับพรรคประชาชน
อย่างไรก็ตามวันนี้จะเกิดองค์ประชุมร่วมอีกหรือไม่ เนื่องจากยังมีความเห็นต่าง นายชูศักดิ์ กล่าวว่าเราจะไปเป็นองค์ประชุมจะพูดคุยให้เห็นว่าหากพิจารณาเช่นนี้ก็ตก ทั้งนี้ที่ สว.ได้มีการร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลกำลังคิดอยู่อาจเสนอเป็นญัตติ แต่แตกต่างไปจากของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.
ส่วนศาลจะรับคำร้องไว้หรือไม่เพราะที่ผ่านมาก็เคยยื่นไปแล้วแต่ไม่รับคำร้อง เนื่องจากมีคำวินิจฉัยชัดเจนแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เห็นเหมือนกันหรือเห็นต่างกันได้ แต่ครั้งนี้ต่างจากสถานการณ์ครั้งที่แล้ว เนื่องจากครั้งที่แล้วประธานสภาฯ ยังไม่ได้บรรจุในระเบียบวาระ แต่ครั้งนี้บรรจุระเบียบวาระแล้ว มีความขัดแย้งเกิดขึ้นแล้ว คิดว่าศาลควรจะวินิจฉัย
“ปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้าบรรจุระเบียบวาระแบบนี้นำไปสู่การทำประชามติสองครั้งทำได้หรือไม่ ตราบใดที่ไม่เคลียร์ปัญหานี้จะตอนไหนก็วนมาเหมือนเดิม เราอยากทำให้ปัญหานี้จบเสียก่อน” นายชูศักดิ์ ทิ้งท้าย
