‘ชูศักดิ์’ ยอมรับรัฐบาลชีช้ำปมแก้รัฐธรรมนูญ พร้อมเดินหน้าต่อ
วันนี้ (16 ธ.ค.67) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี และฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวในงานเสวนา “ทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย: การทำประชามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กับแนวทางการแก้ไขรายมาตรา“ ณ ศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าพูดไปก็ช้ำอกช้ำใจ เพราะมีส่วนที่ต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำไปทำมาก็ชีช้ำ เหมือนเดิม แต่ยังมีความพยายามที่จะทำต่อไปเพราะเป้าหมายคือ การมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยแม้จะยากลำบากก็ตาม
ทั้งนี้ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 เห็นพ้องต้องกันว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยว่าต้องทำประชามติกี่ครั้ง เพียงแต่เราประเมินกันเองจากการอ่านคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการ จึงได้มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หลังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ไม่บรรจุระเบียบวาระร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประชามติของพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล (ณ ขณะนั้น) ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง โดยระบุว่าไม่มีหน้าที่มาตอบคำถามหรืออธิบายกฎหมาย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคำวินิจฉัยดังกล่าว สภาฯ ตีความว่า การยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 แต่มีหมวด 15/1 เท่ากับจะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จึงต้องทำประชามติเสียก่อน
”เราชอบชักศึกเข้าบ้าน มีอำนาจอยู่แล้วก็ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนั้นเรื่องนี้ รัฐสภาได้รับการเลือกตั้งเป็นตัวแทนของประชาชน หากสภาฯ มีมติอะไรขึ้นมา ประเทศอังกฤษบอกหมาเป็นแมวก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่เรากลับเอาอำนาจหลายอำนาจไปให้องค์กรอื่นโดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญที่ใช้อำนาจหน้าที่ของรัฐสภา“
นายชูศักดิ์ มองว่าหากทำประชามติโดยใช้เสียงข้างมากสองชั้นดูเหมือนจะดี แต่จะเท่ากับเรานับเสียงผู้ไม่มาใช้สิทธิหรือผู้เจตนาไม่ใช้สิทธิเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปด้วย ขณะนี้มีอยู่ 2-3 แนวคิดเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จ เช่น การใช้กฎหมายประชามติฉบับเก่า แต่ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร คำนวนแล้ว รัฐบาลนี้จะหมดวาระในเดือน พ.ค.2570 อย่างน้อย หากมี ส.ส.ร.มาทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร จัดการเลือกตั้งต่อไป อย่างไรก็ตามหากเราคิดจะมี ส.ส.ร.ก็ควรให้ตัวแทนประชาชนเข้ามายกร่าง พร้อมทั้งสำรวจความเห็นของวุฒิสมาชิก และพรรคการเมืองด้วยว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสำเร็จหรือไม่
