WORLD

สุนทรพจน์ 9 นาที เขย่าโลก เมื่อประธานเฟดทุบหุ้นสหรัฐ – bitcoin ร่วงระเนระนาด

สุนทรพจน์ 9 นาที เขย่าโลก เมื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ ทุบหุ้นสหรัฐ – bitcoin ร่วงระเนระนาด

วันนี้ (27 ส.ค. 65) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วิเคราะห์ถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า เป็น 9 นาทีเขย่าโลกแบบ “ตัดรอน ไม่เหลือเยื่อใย” โดย 1,301 คำ ชี้ชัดว่า “เฟดจะไม่ใจอ่อน และจะไม่เปลี่ยนใจ จนเงินเฟ้อลง” จึงไม่น่าแปลกใจว่า เมื่อคืนนี้ Dow Jones -1,008 จุด หรือ -3.03% ส่วน Nasdaq -498 จุด หรือ -3.94% ขณะที่ Bitcoin -1,500 ดอลลาร์ ลงมาเหลือ 20,200 หรือ -6.75% ส่วน Ethereum -200 ดอลลาร์ ลงมาเหลือ 1,500 หรือ -12%

นายกอบศักดิ์ มองว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะนักลงทุนแอบหวังว่าเงินเฟ้อสหรัฐที่ลงมาให้เห็น 1 เดือนแล้ว เป็นสัญญาณที่ดี หมายความว่า ดอกเบี้ยขึ้นไปไม่มาก แค่ 3.66% ก็จะจบ ต้นปีหน้าเฟดน่าจะพอแล้ว และน่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงกลางปี แต่สิ่งที่ท่านประธานเฟดพูดเมื่อคืน กลับต่างจากที่นักลงทุนคิดไว้มาก

โดยประธานเฟดบอกว่า “สิ่งที่คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐหมกหมุ่น focus อยู่ ก็คือ เอาเงินเฟ้อลงมาที่ 2% หน้าที่ของเรา คือ การสยบเงินเฟ้อให้ได้ ถ้าเฟดผิดพลาดเรื่องนี้ เศรษฐกิจก็จะไม่สามารถขยายตัวอย่างยั่งยืน เงินเฟ้อจะสร้างความเสียหายแก่ทุกคน การเอาเงินเฟ้อกลับเข้าเป้าต้องใช้เวลา ต้อองใช้นโยบายที่เข้มข้นเข้าจัดการ จะนำมาซึ่งเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำกว่าปกติ คนต้องตกงาน ธุรกิจต้องปิด คนทั่วไปอาจจะไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ แต่นี่คือต้นทุนที่เราต้องแบกรับไว้ เพราะถ้าพลาดจะเสียหายยิ่งกว่านี้”

ประธานเฟดยังบอกว่า “ล่าสุด เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มชะลอลงบ้าง แต่โดยรวมยังมีแรงส่งที่ดีอยู่ ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งมาก เงินเฟ้อกำลังกระจายไปภาคส่วนต่างๆ ส่วนที่ลงมา 1 เดือน ถือเป็นข่าวดี แต่ยังไม่พอ ยัง falls far short ที่จะทำให้กรรมการมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะลง เฟดจะปรับดอกเบี้ยไประดับที่เข้มข้น ที่ชะลอเศรษฐกิจลงมาจากระดับปัจจุบันที่ 2.25-2.5% เป็นระดับที่เรียกว่า Neutral rate แต่จุดนี้ไม่ใช่จุดที่เฟดจะหยุดหรือชะลอการขึ้นดอกเบี้ย โดยการขึ้นดอกเบี้ยครั้งหน้า อาจจะเป็น .75% เราจะดูข้อมูลที่ออกมาอีก 1 เดือน แล้วตัดสินใจว่าเหมาะสมหรือไม่ ทั้งนี้ ในอนาคต เมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยไปได้สูงพอ อัตราการขึ้นอาจจะชะลอลงได้ ในการที่จะเอาเงินเฟ้อลงมา เฟดคงต้องคงดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลาที่นานพอควร เพราะบทเรียนในอดีตชี้ว่า การลดลงเร็วเกินไป เชื้อเงินเฟ้อจะไม่ตาย และจะเกิดปัญหาอีกรอบได้ โดยเมื่อมิถุนายน กรรมการมองว่าจุดสูงสุดของดอกเบี้ยรอบนี้ต้องขึ้นไปอย่างน้อยใกล้ๆ 4% แต่ในการประชุมครั้งหน้าจะบอกอีกทีว่าจะต้องปรับเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ เท่าไหร”

นายกอบศักดิ์ ยังระบุถึงสิ่งที่กรรมการเฟดคิด หารือแนวทางจัดการเงินเฟ้อ ว่า ตั้งอยู่บนบทเรียนสำคัญจากอดีต 3 เรื่อง เรื่องแรก เป็นหน้าที่ของธนาคารกลางในการจัดการเงินเฟ้อ ธนาคารกลางมีเครื่องมือในการสู้ศึกดังกล่าว ที่เคยใช้ได้ผลมาในอดีต รอบนี้ก็เช่นกัน ต้องเอาเงินเฟ้อลงมาให้ได้ อย่างไม่มีเงื่อนไขใดใด เฟดมุ่งมั่นที่จะดำเนินการเรื่องนี้ โดยไม่ลังเล

เรื่องที่สอง การคาดการณ์เงินเฟ้อของทุกคนสำคัญมาก โดยในช่วง 1970 เงินเฟ้อสูง คนเคยชิน ยิ่งเฟ้อ ก็ยิ่งเอามาใช้ในการปรับขึ้นราคาสินค้า เงินเดือน ซึ่ง Paul Volcker บอกว่า หน้าที่ของเฟดคือ ตีหลังของเงินเฟ้อให้หัก และทำให้เงินเฟ้อไม่สามารถต่อยอดตนเองได้ ส่วน Alan Greenspan บอกว่า เป้าหมายคือ เราต้องทำให้เงินเฟ้อต่ำ ต่ำจนทุกคนไม่ได้ใส่ใจ แต่ปัญหาใหญ่ของเราก็คือ ช่วงนี้ เงินเฟ้ออยู่ในใจทุกคน ยิ่งปล่อยไว้นาน เงินเฟ้อก็จะสามารถฝังรากลึก ต่อยอดตัวเองได้

เรื่องที่สาม เราต้องไม่วอกแวก ลังเล อดีตสอนว่า ยิ่งช้ายิ่งเสียหาย ก่อนที่ Paul Volcker จะจัดการเงินเฟ้อสำเร็จ เฟดล้มเหลวแล้ว ล้มเหลวอีก เป็นเวลา 15 ปี ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะใจอ่อน เปลี่ยนนโยบายเร็วเกินไป เชื้อยังไม่ตาย ก็รีบเลิกให้ยา นโยบายการเงินที่เข้มข้น ดอกเบี้ยที่สูง ที่ค้างไว้ยาวนานพอ คือหัวใจสำคัญในการหยุดเงินเฟ้อไม่ให้เพิ่มขึ้น และเอาเงินเฟ้อลงมา เราต้องมุ่งมั่นในการสู้ศึกครั้งนี้ เพื่อจะไม่พลาดเหมือนในอดีต

นายกอบศักดิ์ ทิ้งท้ายว่า ประธานเฟดจบสุนทรพจน์โดยบอกว่า บทเรียนทั้งสามเรื่อง คือ กรอบที่เราใช้ในการจัดการเงินเฟ้อรอบนี้ เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย “ให้แรงพอ” และ “เร็วพอ” เพื่อจัดการเงินเฟ้อ และเราเดินหน้าต่อไป ไม่เปลี่ยนใจ จนเรามั่นใจว่าเงินเฟ้อยอมสยบ กลับเข้าเป้า พูดง่ายๆ ว่า ทุกคำพูดทุกประโยคของประธานเฟด ตั้งใจมาตัดรอนนักลงทุนที่แอบหวังว่า “เฟดจะใจอ่อน เปลี่ยนใจ”

Related Posts

Send this to a friend