อโกด้า เผยผลสำรวจ พบการฆ่าเชื้อโรคในห้องพักทุกวันเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว
แม้ว่าจะพร้อมเก็บกระเป๋าออกเดินทางสักแค่ไหน แต่นักเดินทางก็ยังไม่ลืมตรวจสอบมาตรการด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยของที่พักก่อนออกเดินทาง โดยผลการสำรวจของอโกด้าที่ทำขึ้นสำหรับการเปิดตัว HygienePlus ฟีเจอร์ใหม่เพื่อให้นักเดินทางดูข้อมูลมาตรการด้านสุขภาพและสุขอนามัยของที่พักบนอโกด้า พบว่า “การฆ่าเชื้อโรคในห้องพักทุกวัน” และ “การฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ส่วนกลางของที่พักทุกวัน” เป็นมาตรการด้านสุขอนามัยที่นักเดินทางคาดหวังให้โรงแรมและผู้ให้บริการที่พักอื่น ๆ นำมาใช้มากที่สุด ตามมาด้วย “การแสดงขั้นตอนการรักษาสุขอนามัย” “การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรคส่วนบุคคล อาทิ หน้ากากและถุงมือ ให้พนักงาน” และ “การได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากรัฐบาล” ฟีเจอร์ HygienePlus ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักเดินทางในการเลือกจองที่พักที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งมีมาตรฐานตรงตามรายการตรวจสอบมาตรฐานการดูแลสุขภาพและสุขอนามัย
“การฆ่าเชื้อโรคในห้องพักทุกวัน” เป็นมาตรการที่นักเดินทางจากเกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทยให้ความสำคัญมากที่สุด ส่วน “การฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ส่วนกลางของที่พักทุกวัน” เป็นมาตรการที่นักเดินทางจากไต้หวัน สหรัฐอเมริกา ไทย ออสเตรเลีย และซาอุดีอาระเบียให้ความสำคัญมากที่สุดในการเลือกจองที่พักเดิมอีกครั้ง กลุ่มนักเดินทางอายุ 18-24 ปี มีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับมาตรการ “การฆ่าเชื้อโรคในห้องพักทุกวัน” มากกว่ามาตรการอื่น ขณะที่กลุ่มนักเดินทางอายุ 35-44 ปี ทั่วโลกให้ความสำคัญกับมาตรการ “การฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ส่วนกลางของที่พักทุกวัน” มากที่สุด
“การแสดงขั้นตอนการรักษาสุขอนามัย” ถือเป็นมาตรการที่สำคัญสำหรับนักเดินทางจากไทยและไต้หวัน และเป็นมาตรการที่สำคัญที่สุดในกลุ่มนักเดินทางอายุ 18-24 ปี ทั่วโลก “การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรคส่วนบุคคล อาทิ หน้ากากและถุงมือ ให้พนักงาน” เป็นมาตรการที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเดินทางจากอินโดนีเซีย ซาอุดีอาระเบีย และเวียดนาม ถึงแม้ “การได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากรัฐบาล” จะเป็นมาตรการสำคัญสำหรับผู้คนทั่วโลก แต่ก็มีเพียงนักเดินทางจากอินโดนีเซียเท่านั้นที่เลือกมาตรการนี้เป็น 1 ใน 3 มาตรการแรกที่สำคัญที่สุด
นายออมรี มอร์เกนสเติร์น, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ, อโกด้า กล่าวว่า “ผู้คนมีความต้องการที่จะออกเดินทางอีกครั้งแล้ว แต่ก็ต้องการความมั่นใจว่ามาตรการด้านสุขภาพและสุขอนามัยของจุดหมายปลายทางที่จะไปนั้นเข้มงวด ดังนั้นโรงแรมและผู้ให้บริการที่พักอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องเรียกความเชื่อมั่นของนักเดินทางกลับคืนมา และพยายามใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเต็มที่ HygienePlus เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้นักเดินทางเลือกดูที่พักที่มีสภาพแวดล้อมถูกสุขอนามัย รวมถึงปลอดภัยจากเชื้อโรคได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ทั้งนี้นักเดินทางก็ยังสามารถดูรีวิวที่พักตรงส่วนความสะอาดของที่พักบนอโกด้าเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจกดจองห้องพักได้ด้วย”
ฟีเจอร์ HygienePlus ของอโกด้ามีหัวข้อมากมายที่อิงตามมาตรฐานการดูแลสุขภาพ และสุขอนามัยระดับนานาชาติที่โรงแรมต่าง ๆ ใช้ ซึ่งประกอบไปด้วย การฝึกอบรมเกี่ยวกับกฎระเบียบความปลอดภัยให้พนักงาน การเช็คอิน/เช็คเอาท์แบบไร้การสัมผัส การวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานและผู้เข้าพัก การให้พนักงานสวมหน้ากากอนามัย การตรวจคัดกรองเชื้อโรคในพื้นที่ส่วนกลาง การฆ่าเชื้อโรคในที่พักและห้องพักทุกวัน การจัดเตรียมหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ฆ่าเชื้อโรคให้พนักงาน การฆ่าเชื้อโรคที่อุปกรณ์ต่าง ๆ การเตรียมเจลล้างมือให้ผู้เข้าพัก การทำความสะอาดอุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหาร และการติดป้ายส่งเสริมการเว้นระยะห่างทางสังคม
ผลสำรวจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
- “การฆ่าเชื้อโรคในห้องพักทุกวัน” เป็นมาตรการที่สำคัญที่สุด
- “การฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ส่วนกลางของที่พักทุกวัน” เป็นมาตรการที่สำคัญรองลงมา
- “การแสดงขั้นตอนการรักษาสุขอนามัย” และ “การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรคส่วนบุคคล อาทิ หน้ากากและถุงมือ ให้พนักงาน” เป็นมาตรการที่สำคัญเป็นอันดับ 3 สำหรับนักเดินทาง เพื่อสร้างความมั่นใจในการออกเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง
ผลสำรวจนักท่องเที่ยวในประเทศไทย
- เช่นเดียวกับทั่วโลก “การฆ่าเชื้อโรคในห้องพักทุกวัน” และ “การฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ส่วนกลางของที่พักทุกวัน” เป็นมาตรการที่สำคัญที่สุดสำหรับคนไทย
- เมื่อเทียบกับประเทศ/เขตปกครองตนเองอื่น ๆ ที่ร่วมตอบแบบสอบถาม คนไทยมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับมาตรการ “การแสดงขั้นตอนการรักษาสุขอนามัย” มากกว่ามาตรการอื่นมากที่สุด
*** การสำรวจนี้จัดทำขึ้นโดยอโกด้า และดำเนินการโดยกานต้า โปรไฟล์ เน็ตเวิร์ก (Kantar Profiles Network) ในเดือนมิถุนายน ปี 2563 มีผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามมากกว่า 2,300 คนจาก 8 ประเทศ/เขตปกครองตนเอง ได้แก่ ออสเตรเลีย ไทย ไต้หวัน อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ซาอุดิอาระเบีย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา