TRAVEL

ผลตรวจนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรก Phuket Sandbox ไม่พบเชื้อโควิด-19

ผู้ว่า ททท. คาด สร้างรายได้กว่า 1.5 ล้านบาท ภายใน 3 เดือน ก่อน 15 ก.ค.เปิดสุราษฏร์ธานี 1 ส.ค. กระบี่ พังงา เชียงใหม่ 1 ก.ย. เปิดบุรีรัมย์ พัทยา ชลบุรี 1 ต.ค.เปิดกรุงเทพ หัวหิน ชะอำ และเปิดประเทศภายใน ต.ค. ขณะที่ผู้ประกอบการโรงแรมดังในภูเก็ต กว่า 100 แห่ง ร่วมโครงการ Hug Thais Hug Phuket ลดราคาโรงแรมสูงสุด 70 เปอร์เซ็นต์

เริ่มต้นอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับ โครงการ Phuket Sandbox นักท่องเที่ยว 366 คน ที่เดินทางมาถึงภูเก็ตในวันแรก 1 ก.ค.64 ได้เข้าพักในโรงแรมที่พักต่างๆ และเตรียมท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในภูเก็ต หลังผลการตรวจ ไม่พบเชื้อโควิด-19 ทุกคนปลอดภัยและเที่ยวได้ตามเงื่อนไขในภูเก็ต 14 วัน และต้องทำการตรวจโควิด-19 รวม 3 ครั้ง จึงจะออกไปเที่ยวในต่างจังหวัดได้

โครงการ Phuket Sandbox จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ช่วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องให้สามารถกลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการท่องเที่ยววิถีใหม่ที่ปลอดภัย เพื่อให้การท่องเที่ยวของไทยกลับมาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป รัฐบาล

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประมาณการณ์นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ภายใต้โครงการ  Phuket Sandbox จำนวน 100,000 คน ในไตรมาส 3 (เดือน ก.ค. – ก.ย. 64) ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้อยู่ที่ 8.9 พันล้านบาท ทั้งนี้ ตลอดเดือนกรกฎาคม 2564 มียอดจองของผู้โดยสารที่จะเข้ามา Phuket Sandbox ประมาณ 11,894 คน  ข้อมูลจาก 6 สายการบิน แบ่งเป็นผู้โดยสารขาเข้าประมาณ 8,281 คน ขาออก 3,613 คน คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินทั้งหมดประมาณ 426 เที่ยวบิน เฉลี่ยที่ประมาณ 13 เที่ยวบิน/วัน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดการณ์ในส่วนนักท่องเที่ยวไทย ก็จะมีไม่ต่ำกว่า5 แสนคน สร้างรายได้กว่า 5 พันล้านบาท รวมแล้วภายใน 3 เดือนนี้จะสร้างรายได้ในภูเก็ตกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ถือเป็นจุดเริ่มต้นนำร่องไปจังหวัดอื่น ซึ่งรัฐบาล วางพื้นที่เป้าหมายในวันที่ 15 ก.ค.จะเปิดหมู่เกาะทะเลใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) และ 1 ส.ค.จะเปิด Extension Sealed Route ได้แก่ กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล) พังงา (เขาหลัก และเกาะยาว) เชียงใหม่ (อำเภอเมือง แม่ริม แม่แตง และดอยเต่า) และ 1 ก.ย.จะเปิด ชลบุรี (พัทยา บางละมุง และสัตหีบ) บุรีรัมย์ (อำเภอเมือง และสนามช้างอารีนา) สำหรับกรุงเทพฯ เพชรบุรี (ชะอำ) และประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) จะเปิดในวันที่ 1 ตุลาคม และเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยไม่กักตัว ภายในเดือนตุลาคม ซึ่งแต่ละพื้นที่ จะต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องมาตรการ ข้อกำหนด ข้อปฏิบัติอย่างชัดเจน ก่อนที่จะดำเนินการเปิดรับนักเที่ยวอย่างจริงจังต่อไป

สำหรับที่ จ.ภูเก็ต นอกจากจะมีการเปิดโครงการ  Phuket Sandbox ยังมีการเปิดงาน Hug Thais Hug Phuket ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัล ภูเก็ต และกระตุ้นการจับจ่ายด้วยแคมเปญ “ฮักไทย ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป” ลดสินค้าทุกประเภทสูงสุด 90% ช่วยลดค่าครองชีพ ดันยอดขายร้านค้า

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต โดยบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)   จัดงาน Hug Thais Hug Phuket, Central Phuket Hotel Fair ส่งเสริมการท่องเที่ยวภูเก็ตด้วยการเปิดพื้นที่ฟรีให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในภูเก็ต โดยได้รับความร่วมมือจากจังหวัดภูเก็ต, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, หอการค้าไทย, หน่วยงานราชการและภาคเอกชน ร่วมด้วยสายการบินและโรงแรมชื่อดังในจังหวัดภูเก็ตกว่า 100 แห่ง อาทิ โรงแรม Centara, โรงแรม Intercontinental Phuket, โรงแรม Banyan Tree, โรงแรม Tri Sara, โรงแรม Renaissance ฯลฯ ร่วมมอบโปรโมชั่นพิเศษลดสูงสุด 70% ให้กับลูกค้าที่มาเลือกซื้อแพคเกจที่พักในงานจนถึงวันที่ 4 ก.ค. 64 ภายใต้มาตรการคุมเข้มสูงสุด “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ”

น.ส.วัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), เปิดเผยว่า “ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต” นำร่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ตามนโยบายภาครัฐและหอการค้าไทย ร่วมกับ กลุ่มเซ็นทรัล เซ็นทรัลพัฒนา และเซ็นทรัล รีเทล โดยเซ็นทรัล ภูเก็ต เป็นศูนย์การค้าแรกที่ ได้รับการรับรองมาตรฐาน SHA Plus+ จาก ททท. สร้างความมั่นใจด้วยการมีพนักงานฉีดวัคซีนครบแล้ว 85% ร่วมผลักดัน “ภูเก็ต โมเดล ต้นแบบเมืองท่องเที่ยวปลอดภัย” พร้อมกันนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล 33 สาขาทั่วประเทศ ยังได้ตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศอีกด้วย

สำหรับเกณฑ์การรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ตามโครงการ Phuket Sandbox คือ กรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องเดินทางจากประเทศตามประกาศของกระทรวงการต่างประเทศได้รับวัคซีนครบโดสแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน โดยมีเอกสารการรับวัคซีนจากประเทศต้นทางและเป็นวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายไทยหรือที่ WHO รับรอง

กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ให้เดินทางมากับผู้ปกครองได้ มีผลการตรวจหาเชื้อ RT-PCR ก่อนการเดินทางไม่เกิน 72 ชั่วโมง และมีหลักประกันโควิด-19 ไม่น้อยกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐ ต้องจองและทำการเข้าพักโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA Plus ไม่น้อยกว่า 14 คืน ซึ่งสามารถเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆในจังหวัดภูเก็ต ภายใต้มาตรการ D-M-H-T-T-A โดยไม่ต้องกักตัว ต้องทำการติดตั้ง แอปพลิเคชั่น Morchana บนสมาร์ทโฟน และอนุญาตให้แชร์การเข้าถึงตำแหน่ง

เมื่อถึงสนามบินภูเก็ต ต้องทำการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR  และต้องเดินทางไปที่พักด้วยรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน SHA Plus และไม่อนุญาตให้ออกจากห้องพักจนกว่าจะทราบผลตรวจว่าไม่มีการติดเชื้อ รายงานตัวและรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีก 2 ครั้ง ตามเกณฑ์ที่กรมควบคุมโรคกำหนด (วันที่ 6-7 และ 12-13)  เมื่อทำการพักในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตครบ 14 วันแล้ว สามารถเดินทางไปยังจังหวัดอื่นได้  

หากพักในภูเก็ตไม่ถึง 14 คืน ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยเท่านั้น  กรณีนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือผู้มีถิ่นพำนักในประเทศไทย ต้องเป็นผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม หรือ ครบโดสตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิด หรือได้รับวัคซีนชนิดแอสตร้าเซเนก้า เข็มที่ 1 มาแล้วครบ 14 วัน (สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าจังหวัดได้โดยไม่ต้องทำการตรวจหาเชื้อโควิด19) หรือได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR หรือ วิธีการ Antigen Test ไม่เกิน 7 วัน หรือเป็นผู้ที่หายจากการป่วยด้วยโรคโควิด-19 มาแล้วไม่เกิน 90 วัน โดยการแสดงหลักฐานยืนยัน ติดตั้งแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” บนสมาร์ทโฟน และยินยอมเปิดแชร์ตำแหน่งที่ตั้งตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต อีกทั้ง ต้องสังเกตอาการตนเอง (Self-Monitoring) และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปที่ชุมชน หรือสถานที่ที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก และให้รักษามาตรการภายใต้ D-M-H-T-T-A

Related Posts

Send this to a friend