POLITICS

‘จุลพันธ์‘ ยกเครื่อง ‘เพื่อไทย‘ ตั้งเป้ากวาด สส. 200 เก้าอี้

‘จุลพันธ์‘ ยกเครื่อง ‘เพื่อไทย‘ ตั้งเป้ากวาด สส. 200 เก้าอี้ บอกยังติดค้าง ปชช.เหตุโครงการเงินหมื่นไม่สำเร็จ มองทุกพรรคคือคู่แข่ง ระฆังดังชกกันหมด ไม่หวั่นแม้เลือดไหล ลั่น ตระกูล ‘ชินวัตร‘ มีความผูกพันทางใจ แต่ผมมีอำนาจบริหารพรรค บอกเดี๋ยวพ่อก็มา หลังลาออก เพื่อไทย

วันนี้ (31 ต.ค.68) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมใหญ่วิสามัญ วาระเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยมีความมั่นใจว่าจะได้ สส. 200 ที่นั่ง ตามเป้าเนื่องจากได้สัมผัสกับพี่น้องประชาชนที่ผ่านมารู้สึกได้ว่า ประชาชนที่ให้การต้อนรับพรรคเพื่อไทยยังคงมีอยู่จำนวนมาก พรรคเราต้องพิจารณาตนเอง กลับมามองตนเองเพื่อปรับเปลี่ยนภายใน วันนี้ถึงใช้คำว่า “ยกเครื่อง” เราดูตั้งแต่เริ่มผู้สมัคร กลไกการสื่อสารกับประชาชน แนวนโยบายซึ่งเราเดินหน้าไปจำนวนมากแล้ว ด้วยกลไกที่เราดำเนินการอยู่เชื่อมั่นว่าสุดท้ายจะสามารถสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชนได้อีกครั้งหนึ่ง และการเลือกตั้งครั้งหน้าจะกลับมาเป็นรัฐบาล เพื่อทำนโยบายที่ดีให้กับประชาชนต่อไป

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นพรรคอันดับ 1 ที่ผ่านมา ตอนที่เป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถทำนโยบายได้สำเร็จจะกระทบกับการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่าที่ผ่านมาก็ผ่านไปแล้ว การเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะมาถึง นโยบายมองได้สองมิติ เข้าใจว่าพูดถึงนโยบายเงินหมื่น มุมหนึ่งเราทำไม่เสร็จ แต่ระยะเวลาการเป็นรัฐบาลเรามีเพียงแค่ 2 ปี ไม่สามารถอยู่ครบวาระ 4 ปีได้ ระหว่างทางทุกคนก็เห็นว่ามีอุปสรรคขวากหนามอะไรบ้าง เราก็พยามฟันฝ่า แต่สิ่งที่พยามทำคือ เราดำเนินการนโยบายนี้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง 20 กว่าล้านคนได้รับเงิน แต่อีกครึ่งทางที่เหลือ เมื่อไม่ได้เป็นรัฐบาล รัฐบาลชุดนี้มาก็ไม่ได้สานต่อเปลี่ยนไปทำนโยบายอื่น ไม่ได้หมายความว่านโยบายใดดีกว่าหรือเร็วกว่า แต่นโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนต้องช่วยกันทำ อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยมีภาระในส่วนที่ยังติดค้างกับประชาชน สุดท้ายต้องหานโยบายมาชดเชยทำประโยชน์ให้กับเขาในการเลือกตั้งครั้งถัดไป โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือดูแล

ส่วนคู่แข่งคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงทางการเมือง ระฆังยกหนึ่งขึ้นปุ๊บ มีกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ทุกพรรคชกกันหมด ต่อสู้กันหมด ไม่มีการพูดคุยว่าผมจะไม่ส่งผู้สมัครพรรค อย่างระดับพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่เราส่งผู้สมัคร สส.เต็มประเทศ ไม่มีพื้นที่ใดที่ไม่ส่งผู้สมัคร และทุกพื้นที่ผู้สมัครก็คาดหวังว่าจะได้รับการยอมรับจากประชาชน หากถามว่ามีพรรคใดเป็นคู่แข่งการเลือกตั้ง ข้อเท็จจริงในการเลือกตั้งแข่งกันหมด แต่พรรคไหนที่เป็นพันธมิตรทางแนวความคิดก็หารือกันได้ จุดนี้ต้องดูการทำงานในอดีตที่ผ่านมา พรรคที่มีแนวความคิดใกล้ชิดคือพรรคใดบ้าง คงจะเห็นภาพชัดเจน และหลังจากนี้จะเห็นฟอร์มทางการเมืองชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งการเซ็น MOA กลไกการอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจจะมีเกิดขึ้น พูดคุยกันแต่ละฝ่ายแต่ละขั้วอย่างไร พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านเนื่องจากในสภายังมี สส.อยู่ร้อยกว่าคน ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็งและตรวจสอบแบบไม่รามือ ทั้งเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น คดีทุจริตต่าง ๆ มีหน้าที่ต้องทำอย่างเต็มที่

นายจุลพันธ์ มองคำว่า “เลือดไหล” เป็นศัพท์ที่สื่อใช้กัน ในข้อเท็จจริงนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ในฐานะเลขาธิการพรรค ใน 1 เขต มีผู้สมัคร สส.มากกว่า 1 คน ต้องคัดให้เหลือคนเดียวถือเป็นความยากของพวกผม เรื่องที่สื่อใช้คำว่า “เลือดไหลทางการเมือง” คนจะไปก็ไป แต่คนที่ยังอยู่ยังมีความเข้มแข็งและยึดมั่นในอุดมการณ์ การเข้าออกในช่วงสถานการณ์ที่เข้าสู่การเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติทางการเมือง หากติดตามพรรคอื่นที่มีเลือดไหล พรรคเพื่อไทยมีการเปิดตัวผู้สมัครไปแล้ว 200 กว่าคน 2 รอบ สัปดาห์หน้าก็จะมีการเปิดตัวอีกชุดหนึ่งแล้วจะมีการทยอยเปิดตัวไปเรื่อย ๆ จนครบ 400 เขต คนที่มีความรัก ความศรัทธา เชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทยไหลเข้ามาทุกวัน ไม่ได้มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความน่าเป็นห่วงหรือผิดปกติ คนออกได้ก็มีเข้าได้ ขณะนี้มีความเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยมีความแข็งแกร่งทางการเมือง และคนที่เข้ามาสมัครมีอุดมการณ์ตรงกับพวกเราก็มีมากกว่า

เมื่อถามว่าวันนี้ “ชินวัตร” ยังเป็นกำลังสำคัญของพรรคอยู่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่าด้วยความผูกพันของตระกูลชินวัตร ปฎิเสธไม่ได้ อย่าไปหลอกตนเอง ตระกูลชินวัตร ความผูกพันทางใจมีอยู่แล้ว เพราะแนวคิดริเริ่มอุดมการณ์เริ่มมาจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรค และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่เพิ่งจะลาออกจากหัวหน้าพรรคก็เป็นที่รักและเคารพของพวกเราทุกคน เป็นอดีตนายกฯ ที่เราเชื่อมั่นในสิ่งที่ท่านดำเนินการ แม้จะเป็นการลาออกจากตำแหน่งและเราต้องมาดำเนินการสรรหาคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แต่คณะกรรมการชุดนี้ ไม่มีคนในครอบครัวชินวัตร เป็นการถ่ายเลือดเพื่อจะทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองให้มีความเข้มแข็ง

โดยตำแหน่งที่นางสาวแพทองธาร ไม่สามารถลาออกได้คือ “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ก็ยังเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยต่อไป การขับเคลื่อนเรื่องสมาชิกก็ยังทำได้ เป็นเรื่องที่ไม่ได้ขัดต่อกฎหมาย ท่านยังคงสถานะนั้นอยู่ การขับเคลื่อนพรรควันนี้เรามีคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งมีอำนาจในการบริหารจัดการทิศทางของพรรค เป็นสิ่งที่แยกกันอย่างชัดเจน

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคกับหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ใครใหญ่กว่ากัน นายจุลพันธ์ กล่าวว่าหัวหน้าครอบครัวเป็นความผูกพันทางความรู้สึกและทางใจส่วนหัวหน้าพรรค ผมมีอำนาจในการบริหารพรรคอย่างสมบูรณ์ทุกประการ ขณะที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีข้อจำกัดทางกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้กำหนดว่าใครเป็นหัวหน้าพรรคต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคกำลังพิจารณาอยู่ เรายังไม่ได้ตัดสินใจ ผมยังไม่ได้คิดในเรื่องนี้ แต่เราต้องคัดสรรตัวแคนดิเดตนายกฯ ที่เป็นที่ถูกใจ ก่อประโยชน์ให้กับประชาชนให้ได้ คาดว่าใช้เวลาไม่นานไม่กี่เดือน ใกล้เลือกตั้งคงจะมีการประกาศเปิดตัว เชื่อว่าเป็นที่ถูกใจของพี่น้องประชาชน และตอบโจทย์เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนในปัจจุบันได้

นายจุลพันธ์ ย้ำว่ายังไม่ได้ตกผลึกเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ต้องให้พรรคมีเวลาในการพิจารณา ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งแคนดิเดต 3 คน เราเคยโดนโจมตีว่าเป็น “นายกฯ กล่องสุ่ม” หลายพรรคก็ตัดสินใจแล้วว่าคงต้องเอากล่องสุ่มมาให้ประชาชนเหมือนกัน พรรคเพื่อไทยสุดท้ายต้องหาแคนดิเดตให้ครบและนำเสนอต่อประชาชนต่อไป

“พรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคของคนรุ่นใดรุ่นหนึ่ง ไม่ใช่พรรคของผู้สูงอายุ ไม่ใช่พรรคของคนรุ่นใหม่ แต่เป็นพรรคของคนไทยทุกคน เราต้องเริ่มต้นจากการเชื่อมประสานระหว่างคนสองรุ่น ทั้งคนที่เป็นเจน Baby boomer จนถึงเจนเด็กที่สุด ทุกคนจะสามารถแสดงความคิดเห็น ผลักดันนโยบายเพื่อที่จะเอาสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไปตอบโจทย์ให้กับประชาชนในทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัย เป็นสิ่งที่ฃผมยืนยัน และกรรมการบริหารชุดใหม่วางแผนดำเนินการเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง ประสบชัยชนะในการเลือกตั้งที่จะมาถึง”

ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามนายจุลพันธ์ ขอประโยคให้ลูกพรรคใจพองฟู นายจุลพันธ์ ระบุว่า ผมพูดด้วยความรู้สึกข้างในกับลูกพรรค ไม่มีสคริปต์ว่าเราเป็นพรรคการเมืองที่แบกรับความหวัง ความศรัทธาของประชาชนคนที่ยังมีความเชื่อมั่นกับพรรคเพื่อไทย ประเมินไม่ต่ำกว่าสิบล้านคน พร้อมจะสนับสนุนและพร้อมก้าวเดินไปกับพรรคเพื่อไทย ขอสื่อสารไปยังสมาชิกพรรคว่า ขอให้ความเชื่อมั่นว่าเราจะทำนโยบายที่ตอบโจทย์ ปรับเปลี่ยนเรื่องการสื่อสาร คัดสรรผู้สมัครที่มีความเข้มแข็งทำพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองตอบโจทย์กับพี่น้องประชาชน เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะตอบรับเราในการเลือกตั้งที่จะมาถึง

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังสอบถามว่าเมื่อได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแล้วได้พูดคุย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะบิดา พี่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งไปหรือไม่ นายจุลพันธ์ ระบุว่า ”คุยกันอยู่ครับ เดี๋ยวก็มา“

Related Posts

Send this to a friend