POLITICS

ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง แล้วเสร็จทุกมาตรา คาด ส.ส.-ส.ว. พิจารณา กม.ฉบับนี้ให้เร็วที่สุด

วันนี้ (31 ส.ค. 65) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย ในประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. …. พร้อมด้วย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์โฆษกและกมธ.ฯ นายเเพทย์ เทวัญ ธานีรัตน์ เลขานุการ กมธ.ฯ ร่วมแถลงความคืบหน้า ว่า หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา วันนี้31 สิงหาคม 2565 คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวครบถ้วนสมบูรณ์ พร้อมที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในวาระที่ 2 และที่ 3 ต่อไปแล้ว โดยบรรจุในระเบียบวาระการพิจารณาวันที่ 14 กันยายน นี้

“ ร่างพระราชบัญญัติ ดังกล่าวตอนเข้าสู่การพิจารณา มีทั้งหมด 45 มาตรา แต่หลังจากที่ได้มีการพิจารณากัน รวมทั้งสิ้น 18 ครั้ง ก็ได้มีการเพิ่มเติม พิจารณากันอย่างครบถ้วนสมบูรณ์จนที่สุดแล้วร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีเพิ่มขึ้นมารวมทั้งสิ้น 95 มาตรา ในร่างพ.ร.บ. ดังกล่าวได้พิจารณาโดยรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ได้เสนอความคิดเห็นต่างๆ เข้ามาอย่างสมบูรณ์ รับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนด้วยเหตุผลว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ในประเทศไทย เป็นครั้งแรกในประเทศเอเชียที่มีกฎหมายลักษณะนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่ากฎหมายที่เราได้พิจารณาแล้วเสร็จนี้ ทำให้พี่น้องประชาชน มั่นใจได้ว่าจะเป็นประโยชน์ในทุกมิติ” นายศุภชัย กล่าว

ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะ กมธ.ฯ กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ หลักการสำคัญคือ เรื่องการแยกกิจกรรมในส่วนที่เป็นยาเสพติดกับที่ไม่เป็นยาเสพติดออกจากกันโดยสารที่มีความสำคัญที่มีการทำให้มึนเมา หรือเรียกว่าสาร THC ที่เป็นสารสกัด ถ้าต่ำกว่าประมวลกฎหมายยาเสพติด จะไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด

อย่างไรก็ตามทางคณะกรรมาธิการ ได้ยึดหลักการสำคัญในการแยกแยะระหว่างกัญชากับ กัญชง ออกจากกัน โดยสารที่มีความสำคัญในการตรวจวัดว่าเป็นกัญชา หรือ เป็นกัญชงนั้น จะใช้สาร THC ในปริมาณที่มีการประกาศกำหนดว่า ถ้าเกินกว่าที่ประกาศกำหนดให้เป็นกัญชา ถ้าน้อยกว่ากำหนดให้เรียกว่ากัญชง ซึ่งจะมีวิธีการควบคุม และในการควบคุมกัญชาจะเข้มข้นกว่ากัญชง

ทางกรรมาธิการฯ จะมีการควบคุมสัดส่วนโดยเฉพาะกัญชา ในส่วนช่อดอกเป็นกรณีพิเศษ ขณะที่จะมีการคลายมาตรการในการควบคุมในส่วนที่เกี่ยวข้องในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ช่อดอก เช่น ราก ลำต้น ใบ เมล็ดเป็นต้น ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจ สุขภาพ และทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น 

สำหรับกฎหมายฉบับนี้ ได้แยกกิจกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรออกจากในกระบวนการของการพิจารณากัญชง และกัญชา หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ใดที่เป็นสมุนไพรให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหารให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเกี่ยวข้องกับอาหาร สิ่งใดถ้าจะเป็นเครื่องสำอางให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเครื่องสำอาง ซึ่งกฎหมายเหล่านั้นมีมาตรฐานในการควบคุมสารมึนเมาของประเทศไทยนั้นสูงมาก จึงเชื่อมั่นได้ว่ามีความปลอดภัยอย่างแน่นอน ยังไม่นับมาตรการอื่นๆ ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข และกรมอนามัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ยังคงมีผลปฏิบัติอยู่ ดังนั้นในส่วนของพ.ร.บ.กัญชา กัญชง จะไม่เป็นส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกัญชา กัญชง ในขณะนี้ จะแยกกิจกรรม 2 ส่วนออกจากกัน คือการจดแจ้ง กับการอนุญาต ในส่วนของการจดแจ้งนั้นจะมีไว้เพื่อใช้ในครัวเรือน ประชาชนจะมีสิทธิ์ปลูกได้ทั้งกัญชา หรือกัญชงเพื่อใช้ในครัวเรือนโดยไม่ขาย ปลูกได้ 15 ต้น สำหรับทุกครัวเรือนโดยการจดแจ้งเท่านั้นไม่มีค่าธรรมเนียม และเมื่อจดแจ้งจะต้องแล้วเสร็จภายใน 1 วัน โดยเจ้าหน้าที่รัฐส่วนที่มีการจดแจ้งเพิ่มเติม เช่น การจดแจ้งการใช้ ยา เส้นใย ราก ลำต้นในส่วนของกัญชง จะสามารถปลูกได้ถึง 5 ไร่ โดยการจดแจ้งไม่ต้องขออนุญาต แต่ต้องไม่ขาย และส่วนสุดท้ายที่มีความสำคัญที่ถือว่าก้าวหน้ากว่าที่ผ่านมา คือ การจดแจ้งของสถานพยาบาลทั้งหมด สามารถเพาะปลูกเพื่อปรุงยาเฉพาะรายให้กับคนไข้ของตัวเองได้ 

ดังนั้นจึงเป็นการเปิดเสรีทางการแพทย์อย่างแท้จริง ภายใต้เงื่อนไขนี้ทำให้เราคำนึงถึงการเพาะปลูกแยกเป็นพื้นที่สำหรับการอนุญาต หรือจะทำธุรกิจ ไม่ว่าจะผลิต นำเข้า ส่งออก หรือขาย จะต้องมีใบอนุญาตทั้งสิ้น และการขออนุญาตนั้น ทางกรรมาธิการพิจารณาให้เป็นบุคคลไทย หรือถ้าเป็นนิติบุคคลก็เป็นนิติบุคคลไทย ไม่ได้เปิดช่องให้กับนิติบุคคลต่างชาติ 

ดังนั้นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกัญชา และกัญชง จะเป็นประโยชน์สำหรับคนไทยทุกคน และกมธ.ฯ ได้พิจารณาเรื่องความเหลื่อมล้ำจึงได้พิจารณาว่าพื้นที่ใดก็ตามที่ปลูกกัญชาในทางพาณิชย์ที่ไม่เกิน 5 ไร่ จะไม่ให้มีการเก็บค่าธรรมเนียม ถ้าสูงกว่านั้นก็จะมีค่าธรรมเนียมตามลำดับขั้นตอนตามขนาดพื้นที่ อย่างไรก็ดี กฎหมายฉบับนี้จะทำให้การทำธุรกิจในเรื่องของกัญชา กัญชง จะเป็นไปเพื่อการลดความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศ และจะเป็นไปเพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาด ในกลุ่มทุนทางการแพทย์หรือกลุ่ม ทำบริษัทยาข้ามชาติแต่ประการใด 

“ ในเรื่องของความไม่ปลอดภัยในการใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง โดยมีการนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพ.ร.บ.ควบคุมสุรา พ.ร.บ.ควบคุมยาสูบ และพ.ร.บ.พืชกระท่อม ที่เพิ่งจะประกาศบังคับใช้นั้นมาบูรณาการประยุกต์ใช้ในการควบคุมกับกัญชา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเปราะบางห้ามจำหน่าย หรือขายให้กับเด็กเยาวชนต่ำกว่าอายุ 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ใครฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี ปรับไม่เกิน300,000 บาท และถ้าทำความผิดมาตราอื่นๆ แล้วมาผนวกกับการกระทำผิดกับเด็กเยาวชนโทษจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และโทษสูงสุดในกฎหมายฉบับนี้ได้กำหนดเอาไว้ กรณีของการนำเข้าจากต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตโทษสูงสุดคือ จำคุก สูงสุดไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท แต่ถ้านำเข้ามาแล้วไปขายให้กับเด็ก เยาวชน สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร โทษจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า” 

นอกจากนั้น ยังกำหนดวิธีการขาย สถานที่ขาย สถานที่สูบ โดยการประยุกต์ใช้เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในหลายกรณี อาทิเช่น ไม่ให้ขายช่อดอกกัญชา กัญชง ในเครื่องขายที่มีการหยอดเหรียญ และผลิตภัณฑ์ที่เป็นช่อดอกกัญชาขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้ ดังนั้นการออกมาตรการนี้ทางกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาเห็นความสำคัญกับการคุมสถานที่ และการแสดงตนของผู้บริโภค จะต้องเป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบด้วยการตรวจสอบผู้ที่มาซื้ออย่างรัดกุม และอย่างระมัดระวัง 

“ เราก็คาดหวังว่า ในชั้นกรรมาธิการที่ได้จบสิ้นแล้วทางสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับสมาชิกวุฒิสภา จะได้กรุณาพิจารณากฎหมายฉบับนี้ออกมาให้เร็วที่สุด เราคาดหวัง เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะยุติสูญญากาศ และเรามั่นใจว่ากฎหมายฉบับนี้ดีกว่าสถานภาพในปัจจุบันอย่างแน่นอน ถ้ามีการเร่งประกาศใช้ให้ได้อย่างเร็วที่สุด” นายปานเทพ กล่าวทิ้งท้าย

Related Posts

Send this to a friend