POLITICS

‘พิธา’ เผยคุย ‘หอการค้าไทย’ เห็นตรงกัน ขึ้นค่าแรง ย้ำต้องจับเข่าคุยเรื่องจังหวะเวลา และอัตรา

‘พิธา’ เผยคุย ‘หอการค้าไทย’ เห็นตรงกัน ขึ้นค่าแรง ย้ำต้องจับเข่าคุยเรื่องจังหวะเวลา และอัตรา ด้าน ‘ประธานหอการค้าฯ’ เชื่อมั่นนโยบายเศรษฐกิจมีความชัดเจน ตรงเป้าหมาย หอการค้าฯ หวังจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จโดยเร็ว สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนไทย-ต่างประเทศ

วันนี้ (31 พ.ค. 66) หลังคณะผู้บริหารพรรคก้าวไกล ได้ประชุมหารือกับผู้แทนสภาหอการค้าไทย และหอการค้าไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุม

โดย นายพิธา เปิดเผยว่า ได้หารือกันใน 13 ประเด็น ตั้งแต่เรื่องของการทุจริต ระเบียงเศรษฐกิจ (EEC) การบริหารเศรษฐกิจ BCG และเศรษฐกิจชายแดน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปิดเผยความคืบหน้าของการจัดตั้งรัฐบาล และหน้าที่ของคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยครั้งหน้า จะมีคณะทำงานเกี่ยวกับเศรษฐกิจและ SME กลับมาพูดคุยกันอีก ในหลายประเด็น ครั้งนี้กระชั้นชิด จึงมีเพียงพรรคก้าวไกลพรรคเดียว

สำหรับความเร็วในการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นอยู่กับการทำงานของ กกต. ว่าจะรับรอง ส.ส.ได้เมื่อใด แล้วเมื่อนับหนึ่งได้แล้ว ก็จะมีกรอบเวลาที่ชัดเจน ในการเปิดประชุมสภาฯ และโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

ส่วนการบริหารงบประมาณแผ่นดินปี 2567 ต้องคำนึงถึงเวลาและความคุ้มค่า กรณีนี้จะมอบหมายให้คณะทำงานด้านเศรษฐกิจหารือ เพื่อให้ได้ข้อสรุป ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านฯ ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อทำงานต่อไปได้ทันทีหลังจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ

ส่วนการจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ มองว่า บางส่วนสามารถทำได้เลยในปี 2567 โดยเฉพาะในมูลค่า 250,000 ล้านบาทที่มีอยู่ เพราะยังมีงบบางส่วนที่ไม่สามารถแตะต้องได้ เช่น งบผูกพันจากปีก่อนๆ แล้วจึงสร้างระบบที่ชัดเจนในงบประมาณปีต่อๆ ไป

เมื่อสอบถามแนวนโยบายปรับขึ้นค่าแรง 450 บาทภายใน 100 วันแรกหลังได้เป็นรัฐบาล นายพิธา เผยว่า ได้ชี้แจงให้สภาหอการค้าไทย ได้มองภาพครบทุกมิติ ทั้งเรื่องของอัตราค่าเงินเฟ้อ และผลิตภาพของแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าแรง 450 บาทมีความเหมาะสม ไม่ได้ประสงค์จะขึ้นค่าแรงอย่างเดียว แต่คิดว่าจะทำให้แรงงานสามารถพัฒนาทักษะและดำรงชีวิตต่อไปได้ด้วย อย่างสอดคล้องกับค่าเงินเฟ้อและค่าครองชีพ แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนในอัตราการขึ้นค่าแรงหรือระยะเวลา 100 วันหรือไม่ เน้นย้ำว่าต้องพูดคุยให้ครบทั้งไตรภาคี

นายพิธา ยังมองว่าค่าแรงที่จะเพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้เชื่อมโยงกับราคาสินค้าที่จะแพงขึ้นเสมอไป มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ โดยจะพยายามทำให้อยู่ในกรอบเวลา 100 วันแรก

ด้าน นายสนั่น ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยว่า เป็นการพบปะที่สร้างสรรค์ มีความสบายใจเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน แต่หลายเรื่องก็มีความน่าเห็นใจ พรรคก้าวไกลต้องทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งต้องประชุม และมอบหมายบุคคลติดต่อประสานงานหลัก คือ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รวมถึงทางหอการค้าฯ ก็ได้แต่งตั้งผู้ประสานงานกับพรรคก้าวไกลแล้วด้วย

นายสนั่น มองเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท
ว่าความเห็นของทั้งสองฝ่าย ไม่ได้แตกต่างกันมาก ทางหอการค้าเองเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่ต้องมาจับเข่าคุยกันในเรื่องของจังหวะเวลา และอัตราการปรับขึ้น ในเรื่องนี้หากเราสื่อสารกับสาธารณะไม่เข้าใจ ก็จะเกิดการโต้แย้ง สำคัญที่สุดคือต้องลงรายละเอียดในเชิงลึก เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหว เชื่อว่าทางพรรคก้าวไกลได้ฟังเสียงจากประชาชน เป็นเรื่องดีที่มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อจะได้หารือ ให้เกิดทางออกที่เหมาะสม

นายสนั่น ยังระบุว่า เสียงประชาชนสะท้อนชัดอยู่แล้วผ่านการเลือกตั้ง พรรคการเมืองล้วนสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลซึ่งมีคะแนนเสียงมากที่สุดจัดตั้งรัฐบาล แต่ภาคเอกชนต้องการรับฟังความเห็นจากว่าที่รัฐบาล ซึ่งจากการหารือกัน โดยพบว่ามีแนวทางเดียวกับหอการค้าไทยคือ การเชื่อมต่อจุด (Connect The Dots) เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความพอใจ หากรัฐบาลมีเสถียรภาพก็จะสร้างความสบายใจให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ, นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะยาว ส่งเสริมการจับจ่ายภายในประเทศ การสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง และประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainability) ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม ฝุ่น PM2.5 การรับมือกับภาวะโลกร้อน และเรื่องอื่นๆ

นายสนั่น เชื่อว่า หากจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ย่อมเกิดความเสียหายและส่งผลต่อความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุนชาวไทยและต่างประเทศแน่นอน เราทุกคนต้องตั้งความหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติ

เมื่อถามว่า จากประสบการณ์ของหอการค้าไทย เชื่อมั่นในศักยภาพของพรรคก้าวไกลที่จะทำงานได้ตามที่หาเสียงไว้หรือไม่ นายสนั่น บอกว่า แนวทางด้านเศรษฐกิจและการแก้ปัญหา สอดคล้องกับนโยบายของหอการค้าที่มีอยู่ ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาต่างๆ มองว่าตรงกันหมด มีความชัดเจน และมาถูกทางแล้ว

Related Posts

Send this to a friend