POLITICS

สุรชาติ เดินสายขอบคุณ หลังชนะขาดเลือกตั้งซ่อม กทม.เขต9

“ชลน่าน” แนะ “ประยุทธ์ยุบสภา ลงจากอำนาจ หากทำจริงจะกราบขอบคุณด้วยตัวเอง

นายสุรชาติ เทียนทอง ว่าที่ ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่ จตุจักร พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.โฆษกพรรค นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค รวมทั้งสมาชิกพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.และทีมงาน เดินทางมาที่วัดหลักสี่ เพื่อสักการะพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเคยบวชเรียนที่วัดแห่งนี้ พร้อมขอบคุณประชาชนบริเวณหน้าวัดหลักสี่ด้วย

นายสุรชาติ กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มากกว่าคำว่าชัยชนะ เป็นชัยชนะที่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ในการรับใช้พี่น้องประชาชนเหมือนเช่นทุกวันทั้งชีวิต และเหมือนที่ทำมา 17 ปี โดยงานที่อยากทำมากที่สุดคือการให้ความสำคัญกับการพัฒนาชีวิตประชาชน แม้จะมีเวลาทำงานในหน้าที่ผู้แทนราษฎรประมาณ 1 ปี แต่ยังคงยืนยันว่าจะเดินทางลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนด้วยตัวเองด้วยวิธีเดินเท้าไปตามบ้านและชุมชนเหมือนเดิม เพื่อรับเรื่องร้องเรียนปัญหา เก็บเกี่ยวปัญหาจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่นำไปพัฒนานโยบายของเพื่อไทยเพื่อให้สามารถตอบสนองพี่น้องประชาชนได้ เพื่อเตรียมการรองรับการเลือกตั้งที่อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้เมื่อ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้วพร้อมเข้าสภาทำงานทันทีเพื่อทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน เป็นการทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ปราศจากอคติและผู้แทนราษฎรของคนทุกคน ไม่ทำร้ายใคร แต่จะเป็นกระจกสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนไปให้ถึงรัฐบาล เพื่อปรับปรุงแก้ไข และหวังว่ารัฐบาลจะฟังเสียงของพี่น้องประชาชนมากขึ้น ทำให้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนให้มากขึ้น

ส่วนเรื่องร้องเรียนการทุจริตการเลือกตั้งนั้น นายสุรชาติ กล่าวว่า ต้องใช้เวลาในการศึกษาในรายละเอียด เพื่อยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ในนามของพรรคเพื่อไทยและคณะจะลงพื้นที่วันนี้จะขึ้นรถแห่เพื่อขอบคุณพี่น้องประชาชนเพื่อรักษาอำนาจประชาธิปไตยของทุกคน ในเขตหลักสี่ และจตุจักร รวม 5 แขวง (3 แขวงของเขตจตุจักรและ 2 แขวงของเขตหลักสี่) ยอมรับว่าตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์จะน้อย อยู่ที่ 52.68% ของจำนวนประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง หรือ 88,124 คน โดยนายสุรชาติได้รับความไว้วางใจจากประชาชนที่ 29,416 คน เป็นไปตามที่บอกไปกับพี่น้องประชาชนที่ตอบโจทย์นั้น คือการเลือกคนทำงานจริงไม่ทิ้งพื้นที่ ทำงานด้วยหัวใจ เพื่อศักดิ์ศรีของชาวจตุจักร หลักสี่ สังเกตุได้จากเขตหลักสี่ โดยมี 2 แขวงที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ชนะขาด มากกว่า 50% ส่วนเขตจตุจักร ฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ 10-20% ก็ปรับเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน แพ้เพียงหลักร้อยคะแนนเท่านั้น ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ ประชาชนต้องการแสดงออกว่า ความล้มเหลวของรัฐบาล และต้องการแสดงออกว่าการมีชีวิตที่มีความหวัง มีอนาคตที่ดีให้กับลูกหลาน

นายแพทย์ชลน่าน ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า โพสต์เฟซบุ๊กภายหลังการเลือกตั้งซ่อม กทม.เขต 9 ระบุว่า ‘ผมดีใจมากครับที่เห็นพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกตั้ง นี่คือประชาธิปไตยครับ the enemy of enemy is myfriend’ ในเรื่องนี้ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น หากทุกพรรคมีอุดมคติ อุดมการณ์ มีแนวในการทำงานร่วมกัน และหากคิดว่าแนวทางไปด้วยกันไม่ได้ ไม่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง หากจะคิดแนวทางใหม่แล้วนำมาปรับใช้ก็ย่อมทำได้ แต่ไม่ได้หมายความพรรคเพื่อไทยและร้อยเอกธรรมนัส จะร่วมงานกัน แต่ขอขอบคุณที่มองว่าเพื่อไทยเป็นที่พึ่งที่หวังให้ประชาชน ยืนยันพรรคเพื่อไทยยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ หากใครมาร่วมงานกับพรรคต้องไม่ร่วมมือกับเผด็จการ พรรคเพื่อไทยจะดูวิธีการทำงานของแต่ละคนด้วย ว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ กระทบกับพรรคอย่างไร ซึ่งทั้งหมดเป็นการพิจารณาว่าพรรคจะร่วมงานกับใคร

นายแพทย์ชลน่าน ยังได้ฝากไปถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังเป็นการลงโทษจากประชาชน เพราะในช่วงขอบการรณรงค์หาเสียงพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการคืนศักดิ์ศรีให้พี่น้องชาวหลักสี่ จตุจักร และผลการเลือกตั้งก็ออกมาสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่ไม่มีแนวทาง ประชาธิปไตย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นเพียงจุดเล็ก หากพรรคพลังประชารัฐปรับตัวไม่ถูกต้อง ยังคงดื้อดึงต่อไป อาจจะกลายเป็นพรรคที่มี ส.ส.ต่ำกว่า 50 คนในอนาคตได้

นอกจากนี้นายแพทย์ชลน่าน ยังได้ฝากถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า รู้ว่าพลเอกประยุทธ์ ติดตามการเลือกตั้งและมีทีมงานประเมินผล หากการประเมินการเลือกตั้งไม่บิดเบี้ยว ไม่บิดเบือน การเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนบอกว่าพลเอกประยุทธ์ ไม่สามารถนำพาพี่น้องออกจากวิกฤตได้ ซ้ำยังจะนำพาวิกฤตมาเพิ่ม ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือคืนอำนาจให้ประชาชน ขอฝากพลเอกประยุทธ์ พิจารณาการยุบสภาไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือการคืนอำนาจประชาชน

“หากพลเอกประยุทธ์ยุบสภา ผมจะไปกราบขอบคุณท่านเป็นคนแรก อย่างน้อยท่านก็รักประชาชน รักลูกหลาน หรือหากไม่ยุบสภา แต่ท่านบอกว่าจะไม่อยู่เกิน 8 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ซึ่งไม่ใช่การเสียหน้า ท่านควรได้หน้าด้วยซ้ำไป ควรคิดเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่อำนาจ อย่าเห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้อง ไม่ต้องอาย ถ้าเป็นฟากฝั่งของประชาธิปไตยจะพูดว่า นี่คืออาณัติสัญญาณของฝั่งประชาธิปไตย วิถีของประชาธิปไตยพูดอย่างนี้ แต่คงเอาบรรทัดฐานนี้ไปใช้กับฝ่ายยึดอำนาจได้ยาก ฝากท่านคิดเพื่อชาติบ้านเมือง ที่ผ่านมา 7 ปีท่านน่าจะได้เรียนรู้ ยุบสภาจะเป็นการลงจากอำนาจสวยที่สุด ฝากท่านด้วยครับ” นายแพทย์ชลน่านกล่าว

Related Posts

Send this to a friend