‘บวรศักดิ์’ เตรียมชง นายกฯ ลงนาม ร่างระเบียบสำนักนายกฯ คุ้มครองพระพุทธศาสนา สัปดาห์หน้า
‘บวรศักดิ์’ เตรียมชง นายกฯ ลงนาม ร่างระเบียบสำนักนายกฯ คุ้มครองพระพุทธศาสนา สัปดาห์หน้า ตั้ง อ.คพจ รับเรื่องร้องเรียนสงฆ์ ให้คำปรึกษากฎหมาย เล็งกำหนดคุณสมบัติไวยาวัจกรวัด
วันนี้ (30 ต.ค. 68) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย แถลงถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนงานด้านกฎหมายที่สำคัญ คือ เรื่องการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา ว่า จากการเดินทางไปเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช เพื่อขอพระสังฆราชานุมัติว่าจะดำเนินการนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาว่าจะพิทักษ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา และศาสนาอื่น โดยดำเนินการป้องกัน และจัดการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา
ในส่วนของพระพุทธศาสนา รัฐบาลจะดำเนินการโดยพระสังฆราชานุมัติ และความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อกราบบังคมทูลแล้ว ท่านทรงเห็นชอบ จึงได้ปรึกษากับผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดูแลเรื่องพระพุทธศาสนา รวมถึงนายธงทอง จันทรางศุ และคณะ ในการยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .. ตามที่สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เสนอ และนำร่างดังกล่าวไปเสนอต่อ มส.
นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อว่า มส.มีข้อสอบถาม และให้ข้อสังเกตเล็กน้อย และได้รับนำมาปรับ จากนั้นได้เสนอ ครม.และมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 21 ต.ค. จากนั้น จะส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างพระราชบัญญัติพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยสัปดาห์หน้าจะเป็นการพิจารณาครั้งสุดท้าย และเสนอให้นายกฯ ลงนามได้ โดยร่างระเบียบนี้มีคณะกรรมการคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (คพช.) มีประธานโดยนายกฯ แต่งตั้ง และได้รับพระสังฆราชานุมัติและความเห็นชอบจาก มส. มีกรรมการโดยตำแหน่ง 6 คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา 9 คน โดยกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่เสนอ มส. และนายกฯ รวมถึง ครม. หากลไกที่เหมาะสมในการคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้เป็นไปตามพระวินัย ตลอดจนประกาศ และคำสั่งของ มส.
อีกทั้ง ยังมีการตั้งอนุกรรมการคุ้มครองพระพุทธศาสนาจังหวัด (อ.คพจ.) 76 จังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เป็นอนุกรรมการและเลขานุการที่จะไปดำเนินการระดับจังหวัดในการให้คำแนะนำและคำปรึกษากับหน่วยงานของรัฐที่จะต้องปฏิบัติเกี่ยวกับพระพุทธศานา และคณะสงฆ์ เนื่องจากในอดีตมีบางหน่วยงานที่ปฏิบัติกับพระไม่เหมาะสม เช่น ตำรวจเอาพระมายืนถือบัตรประชาชนถ่ายรูป ทั้งที่ควรทำให้เป็นไปตามจารีตประเพณีของไทย กรรมการชุดนี้ยังมีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวของพระภิกษุที่ฝ่าฝืนพระธรรมวินัย และติดตามให้คำแนะนำ คำปรึกษาทางกฎหมาย แก่วัดและพระภิกษุ จะมีการประชุม 3 เดือนต่อครั้ง เพื่อติดตามการทำงาน
นายบวรศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการตั้งคณะกรรมการวินัยธรกลาง 10 รูป และคณะธรรมธรกลาง เพื่อดูแลเรื่องพระธรรมวินัย เนื่องจากอดีตมีการไปตั้งลัทธิ และตีความตามสไตล์ของเจ้าสำนัก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว และจบลงด้วยการไม่ใช่คณะสงฆ์ไทย รวมทั้งภิกษุบางรูปที่ไปตัดตอนพระธรรมวินัย และฆราวาสบางคนที่ทำตัวเป็นกูรู โดยเฉพาะในโซเชียลที่มีการสอนหลักธรรมปลอม ตีความด้วยความเข้าใจของผู้พูดเอง โดยคณะกรรมการจะชี้ขาดเรื่องพระธรรมวินัยและวินิจฉัยเรื่องที่มีการโต้แย้งเรื่องเกี่ยวกับธรรมวินัย โดยจะขอพระสังฆราชมีสังฆราชานุมัติ และมส.มีมติเห็นชอบ และแจ้งเวียนให้วัดและศาสนิกชนทราบ ไม่ให้เกิดการถกเถียงกัน
นายบวรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ร่างดังกล่าวเป็นขั้นแรกที่รัฐบาลจะทำตามที่แถลงต่อรัฐสภา เพราะเห็นว่าพระพุทธศาสนามีปัญหาเกี่ยวกับพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าได้สอน และมีการประพฤติผิดธรรมวินัยจนเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเหตุให้ต้องปาราชิก สิ่งเหล่านี้เสมือนเป็นเมฆหมอกที่มาบังดวงจันทร์วันเพ็ญ
ดังนั้น อาณาจักรต้องเข้าไปช่วยศาสนจักรในเรื่องนี้ เพราะพระพุทธศาสนาจะอยู่ได้ต้องอาศัย 3 เสาหลัก หากอาณาจักรไม่เข้าไปดูแลศาสนจักรก็จะทำให้พระดีๆ เดือดร้อน ส่วนเรื่องความโปร่งใสของเงินบริจาคทางกรมบัญชีกลางจะลงไปช่วยจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ที่จะทำในวัดใหญ่ๆ รวมถึงการบริจาคที่จะต้องเป็นอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ นายบวรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า คพช.จะทำทีละเรื่อง ไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า จะค่อยๆ ทยอยทำไป เช่น ต่อไปนี้ ไวยาวัจกร ซึ่งจะมีการกำหนดคุณสมบัติต้องห้าม เช่น ไม่เคยถูกตัดสินคดีเกี่ยวกับทรัพย์ รวมถึงกำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง












