POLITICS

‘เพื่อไทย’​ แนะ ‘ประยุทธ์’ พอได้แล้วให้ประเทศไปต่อ ร่าย 10 เรื่องแย่ที่สุดของรัฐบาล

‘เพื่อไทย’​ แนะ ‘ประยุทธ์’ พอได้แล้วให้ประเทศไปต่อ ร่าย 10 เรื่องแย่ที่สุดของรัฐบาลนับแต่ยึดอำนาจ​ ซ้ำเกิดวิกฤตศรัทธารัฐสภา พ่นพิษเศรษฐกิจต่อเนื่อง

วันนี้ (30 ส.ค. 65) พรรคเพื่อไทย จัดเสวนา “8 ปี ประยุทธ์​ พอเถอะครับ ประเทศไทยต้องไปต่อ” ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อ​ไทย​ นายพิชัย นริพทะพันธุ์​ รองประธาน​คณะกรรมการยุทธศาสตร์​ และทิศทางการเมือง และ นายสุขุมพงศ์​ โง่นคำ อดีตรัฐมนตรี​ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินรายการโดย นายอนุสรณ์​ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการ​คณะกรรมการ​ยุทธศาสตร์​ และทิศทาง​การเมือง​พรรคเพื่อ​ไทย​

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อ​ไทย​

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตลอดช่วงที่เราอยู่กับระบอบประยุทธ์​มา มีความยุ่งยากในการใช้ชีวิตทุกมิติ หลายคนบอกว่า ‘เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่’​ ซึ่งมันสงบเงียบราบคาบในมิติทางการเมือง คือ ประเทศไทยเรายืนอยู่ตรงไหนในเวทีโลก 8 ปีที่อยู่มา สังคมโลกไม่ยอมรับ เพราะเป็นการทำลายสิทธิมนุษยชน​ อีกทั้งกลไกที่ใช้ในการอยู่ในอำนาจเป็นกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อตัวเอง

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ระบบรัฐสภาในทุกวันนี้ ทำลายความเชื่อมั่นถึงระดับโลก เกิดกระแสการต่อต้านจากประชาชนที่ไม่สนับสนุนระบบรัฐสภา ประชาชนแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ กลุ่มแรก สนับสนุนระบอบประยุทธ์​ 20% กลุ่มสองคือ ต่อต้านระบอบประยุทธ์​ 20% และอีก 60% ที่เหลือคือกลุ่มที่พร้อมจะไปทางไหนก็ได้ เพราะถูกเจาะความเชื่อในความเป็นประชาธิปไตย​อย่างเงียบเชียบ

“ในเรื่องที่ฝ่ายค้านที่จงใจให้สภาล่มนั้น ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเงื่อนไขให้สภาเสื่อม แต่ก็ต้องทำ เหมือนร่วมไปแสดงกับสิ่งที่ ระบอบประยุทธ์​สร้างเอาไว้ เพื่อท้าทายกับพี่น้องประชาชนที่ยังยึดติดอยู่ในระบอบประยุทธ์” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ​ปี 2540 พี่น้องประชาชนมีอำนาจเลือกผู้แทนเต็มที่ แต่เมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ปี 2550 และปี 2560 พบว่าอำนาจในการใช้เงินกลับคืนมา ซื้อ ส.ส. แบบไม่มีอาย สิ่งเหล่านี้เป็นความเลวร้ายในระบอบรัฐสภา อำนาจอธิปไตยจะเป็น​แต่คำพูดที่ไม่เป็นความจริง

นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ได้เพราะอำนาจพิเศษ ขณะนี้อยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่เอามาสกัดม็อบ ก่อนหน้านี้ก็ใช้ ม.44 ที่มอบอำนาจพิเศษให้ พล.อ.ประยุทธ์​ มีการเขียนรัฐธรรมนูญ​ละเมิดการใช้อำนาจของประมุข ทำให้กระทบวิถีชีวิตประชาชน เช่น การปกครองส่วนท้องถิ่น

ในส่วนปัญหาวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีนั้น นพ.ชลน่าน ให้ความเห็นว่า ไม่อยากก้าวล่วงอำนาจศาล จึงต้องรอกลไกของศาลรัฐธรรมนูญ​ หากผลออกมาเป็นที่พอใจ ก็สิ้นสุดการทำหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์​ และเข้าสู่การสรรหานายกรัฐมนตรี​ใหม่ หรือยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน แต่ที่ไม่เรียกร้องให้ยุบสภา เพราะไม่อยากให้เกิดสุญญากาศ​ทางการเมือง

พิชัย นริพทะพันธุ์​ รองประธาน​คณะกรรมการยุทธศาสตร์​ และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย

ด้าน นายพิชัย กล่าวว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ​มีมติไปนั้น อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์​ ทำใจ ซึ่งการที่ ผบ.ทบ. ออกมาสดุดีท่าน เป็นเหมือนการปิดฉากท่านแล้ว มันดูตลกมาก นอกจากนี้ยังมี 10 เรื่องแย่ที่สุด ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​ ได้แก่

  1. ก่อหนี้มากกว่ารัฐบาลทั้งหมด และต้องจ่ายดอกเบี้ย​มากที่สุด
  2. ใช้งบประมาณ​มากที่สุด แต่เศรษฐกิจ​โตปีละ 1% กว่า นั่นหมายถึงใช้เงินไม่เป็น​
  3. ความเชื่อมั่น และการลงทุนในไทยต่ำที่สุดในรอบ 8 ปี โดยถูกเวียดนามแซงไปไกล
  4. พลังงานแพงที่สุด ได้แก่ น้ำมัน ไฟฟ้า และก๊าซ
  5. ของแพงที่สุด เงินเฟ้อมากที่สุด แต่รายได้ไม่เพิ่ม
  6. คนจนมากที่สุด คนตกงาน และฆ่าตัวตายมากที่สุด
  7. ความสามารถการแข่งขันแย่ที่สุด โดย IMD ลดลงไป 5 อันดับ
  8. ใช้งบทหารมากที่สุด เพื่อซื้ออาวุธ​ แต่ไม่เกิดประโยชน์​ต่อประชาชน
  9. มีทุจริต​มากที่สุด โดยถูกจัดอันดับอยู่ที่ 110
  10. พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​ โกหกมากที่สุด

นายพิชัย กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์​ และเครือข่าย ควรพอแล้ว และอยากจะขอเตือน 4 เรื่องที่กำลังจะเข้ามาได้แก่

  1. ดอกเบี้ยจะเข้ามา โดยสหรัฐ​ฯ จะขึ้นดอกเบี้ย​ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และอาจจะขึ้นถึง 5% ซึ่งส่งผลให้หนี้สาธารณะ​พุ่งสูงขึ้น
  2. ค่าไฟที่กำลังจะขึ้นวันที่ 1 ก.ย. นี้ ประชาชน และหน่วยธุรกิจ​จะเจ๊ง เพราะการบริหารทำไม่เป็น​ ไม่รู้เรื่อง ทั้งน้ำมัน และก๊าซ ปัญหาคือ น้ำมันกลับมาขึ้นอีกแล้ว จะเป็​นปัญหาต่อไป
  3. เงินเฟ้อจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้สินค้าต่างๆ ทยอยขึ้น รายได้ของประชาชนไม่พอกับรายจ่าย
  4. การขาดดุลการค้า และบัญชีเดินสะพัด ไปพร้อมๆ กับการขาดดุลการคลัง ซึ่งเป็นสัญญาณ​อันตรายของเศรษฐ​กิจ​ทั้งประเทศ โดยการส่งออกเริ่มแผ่ว ทำให้ขาดดุลการค้า 3,000 กว่าล้านเหรียญ

นายพิชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า พล.อ.ประยุทธ์​ และเครือข่ายคงไม่ทราบ ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจออกไปได้แล้ว หากยังอยู่นาน คนยิ่งลำบากมากยิ่งขึ้น

ด้าน นายสุขุมพงศ์​ กล่าวว่า ตามประวัติศาสตร์​การเมืองไทย 90 ปีหลังการเปลี่ยนแปลง​การปกครอง มีข้อสังเกต​คือ พล.อ.ประยุทธ์​ กำลังจะทำสถิติประเทศไทย ด้วยการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ยาวนานที่สุด มากกว่า จอมพล ป. พิบูลสงคราม​ และ จอมพล ถนอม กิตติขจร และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์​ หลังจากนั้นมีนายกฯ ที่เป็นเพียง 4 ปีเศษ ฉะนั้นสถิติอันนี้พอเกินที่จะรับประทาน​ ศรัทธา​ประชาชนไม่เหลืออะไรแล้ว

นายสุขุมพงศ์ กล่าวต่อว่า ที่มาของท่านมาจากวันที่ 20 พ.ค. 2557 ท่านทำวีรกรรมประกาศกฏอัยการศึก ที่เป็นกฎหมายแห่งความมั่นคงตั้งแต่ ร.6 และหลังจากนั้นมีการเลือกตั้ง ประเทศไทยแปลกในโลกที่มีการเลือกตั้งไม่สำเร็จ​ สมัย พล.ต.ท.ทักษิณ​ ชิน​วัต​ร ที่ประกาศให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. 2549 แต่การเลือกตั้งนั้นก็เป็นโมฆะด้วยเหตุผลที่แปลกประหลาด​

ประหลาดที่ 2 สมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้มีการเลือกตั้งใหม่ในช่วงปี 2557 แต่ก็เป็นโมฆะเพราะประชาชนส่วนหนึ่งในภาคใต้ไปขัดขวางไม่ให้คนไปใช้สิทธิ ทำให้ต้องเลือกตั้งมากกว่า 1 วัน และศาลมองว่าผิดต่อรัฐธรรมนูญ​

ที่เป็นเช่นนี้ต้องการให้ท่านออกจากตำแหน่ง เพราะที่มาท่านไม่ชอบ ด้วยการประกาศใช้กฎอัยการศึก​ และให้พรรคการเมืองไปคุยกันที่สโมสรทหารบก และตั้งคำถามว่าจะแก้ไขสถานการณ์​บ้านเมืองอย่างไร สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์​ ที่เป็นผู้ประกาศใช้กฎอัยการศึกเค้นฝ่ายรัฐบาลว่าจะลาออกหรือไม่ หากไม่ลาออก พล.อ.ประยุทธ์​ ก็จะปฏิวัติ

นายสุขุมพงศ์​ กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญ​ก็ไม่ชอบ ไม่เคยมีรัฐธรรมนูญ​ประเทศไหนที่บอกว่า ประชามติไม่เห็นด้วยติดคุก แต่ถ้าหากสนับสนุนรัฐธรรมนูญ​นี้ดีแปลว่าคุณถูกต้อง ผลปรากฎ​ว่า ประชาชนอยากให้มีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย​ ท้ายที่สุดมีเสียงสนับสนุนผ่านประชามติ 54% อีก 48% ไม่เห็นด้วย และแสดงความอาเพศ และเป็นสิ่งมหัศจรรย์​อันดับ 8 ของโลก ด้วยการ ให้ ส.ว. ไปเลือกนายกรัฐมนตรี​ ส.ว. คนนี้ เมื่อก่อนเป็น สนช. เขาบอกว่า ท่านเห็นด้วยไหม ที่จะให้การปฏิรูป​เป็น​ไปตามเป้าหมายที่รัฐธรรมนูญ​กำหนด ชาวบ้านอ่าน 9-10 รอบก็ไม่เข้าใจ ทุกวันนี้คณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ 36 คน รู้หรือไม่ว่าการปฏิรูป​ประเทศ​เป็น​อย่างไร

อีกทั้งให้ ส.ว. หรือสภาสูงวัย ที่มีอำนาจกลั่นกรองกฎหมายมามีอำนาจมากกว่าผู้แทนราษฎร​ (ส.ส.)​ และเป็​นผู้พิจารณา​กฎหมายไปพร้อมผู้แทนฯ เป็นครั้งแรกในโลก เพราะรัฐบาลเกรงว่าจะมีเสียงปริ่มน้ำ ทำให้ ส.ส. ทำหน้าที่ลำบาก นอกจากนั้นการที่มีเสียงปริ่มน้ำทำให้มีการแจกกล้วย เปรียบ ส.ส. เหมือนสิงสาราสัตว์​ พรรคเล็ก​น้อยที่เป็น​พรรคปัดเศษเปลี่ยนทุกวัน ทำให้การประชุมสภาล่มแทบทุกครั้ง เพราะกล้วยมันจะหมดสวน

Related Posts

Send this to a friend