พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พร้อมน้อมรับผลการวินิจฉัย หากผลเป็นลบเตรียมยื่นศาลปกครองสู้ต่อ

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เปิดใจ หลังเข้าชี้แจง ก.พ.ค.ตร. ปมอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมน้อมรับผลการวินิจฉัยไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร หากผลลบเตรียมยื่นศาลปกครองสูงสุดสู้ต่อ ปฏิเสธไม่ทราบข่าวลือนั่งรองนายกฯ คุม ตร.
วันนี้ (30 ก.ค. 67) พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าชี้แจงด้วยวาจาต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) กรณีการอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ที่ลงนามโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ระบุว่า ตนเองใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในการชี้แจงต่อ ก.พ.ค.ตร. ในประเด็นต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายของ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ ที่กำหนดไว้ในกรณีที่มีตำรวจพบการกระทำที่ไม่เป็นธรรม โดยวันนี้ถือเป็นการใช้สิทธิของตนเอง และหลังจากนี้ก็รอคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. หากมีคำวินิจฉัยที่เป็นบวกกับตนเอง เรื่องก็จะจบเพียงเท่านี้ แต่หากผลไม่เป็นคุณกับตนเอง ก็สามารถไปใช้สิทธิในศาลปกครองสูงสุดต่อไป
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กล่าวอีกว่า เป็นการให้ข้อมูลแบบหมดเปลือกแล้ว ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับ เพราะเป็นขบวนการของกฎหมาย ซึ่งตนเองเชื่อมั่นในกระบวนการว่าจะได้รับความเป็นธรรม หากผลเป็นบวกกับตนเอง ก็จะได้กลับ ตร. และเพิกถอนคำสั่งเดิม แต่หากผลเป็นลบ ก็จะใช้สิทธิยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสถานะการเป็นตำรวจ และพิจารณาเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งจะฟ้องร้องในทุกประเด็นตามกระบวนการของกฎหมายที่ให้สิทธิ์ แต่ยังไม่สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมา และหากผลเป็นไปในทิศทางบวก ตนเองก็จะกลับไปทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับใครทั้งสิ้น ตามที่เคยลั่นวาจาไว้ก่อนหน้านี้
ส่วนกรอบระยะเวลาในการวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ ตนเองยังไม่ทราบ แต่ทางคณะกรรมการฯ จะส่งผลการวินิจฉัยไปยังภูมิลำเนา และจะเป็นผู้รับด้วยตนเอง ส่วนผลการพิจารณาจะแล้วเสร็จก่อนการเสนอชื่อเพื่อคัดเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ในเดือนกันยายนนี้หรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบขึ้นอยู่กับ ก.พ.ค.ตร.
สำหรับบรรยากาศการเข้าชี้แจงด้วยวาจาต่อคณะกรรมการฯ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยอมรับว่า ได้พบกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ คู่กรณี แต่ไม่ได้มีการพูดคุยหรือทักทายกัน เนื่องจากต่างคนต่างชี้แจง ซึ่งคณะกรรมการก็รับฟังเพียงอย่างเดียวตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งส่วนตัวรู้สึกสบายใจตั้งแต่ก่อนเข้าชี้แจงแล้ว เพราะเรามั่นใจว่าทำไปตามกระบวนการของกฎหมาย และเดี๋ยวความเป็นธรรมก็จะมาเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกคิดถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติแห่งชาติหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยอมรับว่าคิดถึงตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมา แต่ส่วนตัวยังไม่มั่นใจว่าจะได้กลับหรือไม่ ตอนนี้ขอให้ความสำคัญกับเรื่องที่จะได้กลับหรือไม่เท่านั้น และเรื่องอื่นตอนนี้ตนเองยังไม่ได้คิดถึง โดยเฉพาะเรื่องที่มีการพูดกันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงผู้นำ และมีกระแสข่าวว่าตนเองจะได้เป็นรัฐมนตรีที่คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตนเองยังไม่ทราบข่าว