‘สรวงศ์’ แจงงบพีอาร์สูง สู้ฝ่ายค้านดิสเครดิตประเทศ ยันคุ้มค่า ด้าน ‘ณัฐพล’ โต้ โฆษณาไม่ช่วย แนะแก้ปัญหาภายใน
วันนี้ (30 พ.ค. 68) ในการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงถึงข้อเสนอแนะด้านการท่องเที่ยวไทย โดยระบุว่านายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและมีการประชุมบูรณาการร่วมกับหลายกระทรวง อาทิ คมนาคม มหาดไทย สาธารณสุข และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง
นายสรวงศ์ กล่าวถึงงบประมาณปี 2569 ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่มีการจัดสรรไปยังซอฟต์พาวเวอร์และหน่วยงานอื่น โดยยอมรับว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนและเอเชียลดลงอย่างมาก แต่ภาพรวมนักท่องเที่ยวทั่วโลกลดลงเพียง 2% ทั้งนี้ รัฐบาลได้ปรับเปลี่ยน KPI โดยเน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพ ซึ่งส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากยุโรปและตะวันออกกลางเดินทางมามากขึ้น เช่น ชาวอังกฤษเพิ่มขึ้น 20% และชาวอิตาลีเพิ่มขึ้น 22% กลุ่มนี้มีการใช้จ่ายสูงขึ้น
ด้าน นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดเชียงใหม่ พรรคประชาชน อภิปรายถึงโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่งว่า รัฐบาลเข้ามาในช่วงก่อนไฮซีซั่นไม่นานและประสบปัญหาน้ำท่วมหนักในภาคเหนือ ซึ่งใช้เวลาทำความสะอาดประมาณ 1 เดือน ตนเองและคณะรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่สามารถฟื้นฟูพื้นที่ได้ในเวลาอันสั้น โครงการดังกล่าวมี ททท. ร่วมดำเนินการ ซึ่งมีอำนาจอนุมัติงบประมาณไม่เกิน 8 ล้านบาท จึงเป็นข้อเสนอเพื่อให้คนในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงช่วยเหลือกันเอง ไม่ใช่นโยบายหลัก
นายสรวงศ์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า แม้จะถูกตั้งคำถามเรื่องตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ แต่เป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นสิ่งที่ควรจะเป็นไปได้ แม้หลายปัจจัยจะไม่เอื้ออำนวย ต้นปีทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่ตัวเลขเริ่มลดลงในช่วงกุมภาพันธ์ถึงเมษายน เนื่องจากเทศกาลตรุษจีนอยู่ปลายเดือนมกราคม ประกอบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว งบประมาณที่ใช้เสริมการโฆษณาภาครัฐนั้น จำเป็นต้องลงทุนเพื่อตอบโต้การดิสเครดิตประเทศ
“ท่านด่ารัฐบาลได้ ด่ารัฐมนตรีได้ แต่อย่าดิสเครดิตประเทศตัวเอง เมื่อสักครู่ที่พูดถึงจีนเทา รัสเซียเทา เขามองเราอยู่ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเสียใจ เพราะได้ยินคำนี้ออกจากปากผู้แทนราษฎร และท่านเองก็มาจากเมืองท่องเที่ยวด้วย” นายสรวงศ์ กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวด้วยว่า การประชาสัมพันธ์แก้ไขข่าวในปัจจุบันทำได้ไม่ทันการณ์ เนื่องจากข่าวสารเผยแพร่เป็นชุดอย่างรวดเร็ว และไม่ทราบเจตนาหรือตัวเลขที่แท้จริง งบประมาณทุกบาททุกสตางค์จะใช้อย่างคุ้มค่าเพื่อประโยชน์ของประชาชน ภาพลักษณ์ประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ใช่การปิดข่าว แต่ต้องยอมรับว่าทุกองค์กรมีทั้งคนดีและคนไม่ดี อย่าเหมารวม กรณีดาราจีน ทางการก็ได้พยายามดำเนินการแก้ไข
นายสรวงศ์ ชี้แจงอีกว่า ปัจจุบันมีตำรวจท่องเที่ยวเพียง 1,800 นาย หากไม่ใช้ AI และความร่วมมือจากตำรวจท้องที่ การดูแลนักท่องเที่ยวจะเป็นไปได้ยาก วันนี้นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมและขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว
ส่วนประเด็นด้านกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวกำลังแก้ปัญหาของกรมพลศึกษาและสนามของการกีฬาแห่งประเทศไทยที่ยังสร้างไม่เสร็จหรือถ่ายโอนไม่ได้ เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน โครงการ Domestic Power ในงบประมาณปี 2569 มุ่งสร้างนักกีฬาและต่อยอดสู่อาชีพ พร้อมยืนยันว่าจะนำทุกข้อเสนอแนะไปปรับปรุงการทำงาน
นายณัฐพล ได้ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า การมุ่งเน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพเป็นเรื่องดี แต่ไม่สามารถครอบคลุมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งหมดของไทยได้จริง ส่วนเรื่องการดิสเครดิตประเทศ ตนเองมองว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง แม้จะไม่มากเท่าที่กล่าวอ้าง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์หนึ่งและเป็นข่าวในโซเชียลมีเดีย ก็จะกระจายอย่างรวดเร็ว ข่าวร้ายมักได้รับความสนใจมากกว่าข่าวดี ตนเองไม่ได้มีเจตนาดิสเครดิตประเทศ แต่การหยิบยกประเด็นสีเทามาพูดอย่างจริงจัง เพื่อชี้ให้เห็นว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถสู้กับเหตุการณ์จริงที่เป็นข่าวได้ จึงต้องยอมรับและแก้ปัญหาจากภายในอย่างแท้จริง หากไม่เริ่มต้นใหม่ การท่องเที่ยวก็จะเป็นแบบเดิม การลดงบโฆษณามาแก้ปัญหาภายในจะส่งผลดีในระยะยาว












