POLITICS

‘ชัยธวัช’ เชื่อ คดี ม.112 ’ทักษิณ‘ เป็นอุปสรรคต่อการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมากขึ้น

‘ชัยธวัช’ เชื่อ คดี ม.112 ’ทักษิณ‘ เป็นอุปสรรคต่อการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมากขึ้น – คาด 4 มิ.ย. เตรียมนัดสื่อมวลชนแถลงคดียุบพรรค หลังยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ มองเป็นสิทธิ์นายกฯ ตั้ง ’วิษณุ‘ เป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย

วันนี้ (30 พ.ค. 67) นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ ถึงการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาฯ ยอมรับต่อประเด็นการขับเคลื่อนการนิรโทษกรรมในคดีมาตรา 112 ว่า จะมีอุปสรรคมากขึ้น หลังจากที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกอัยการสูงสุด สั่งฟ้องในคดีความผิดตามประมวลกฎหมาอาญามาตรา 112 ทั้งนี้ ใน กมธ.ยังไม่ได้หารือ แต่ส่วนตัวมองว่าจะมีผลกระทบ

ทั้งนี้ การศึกษาของ กมธ. จะวางหลักอย่างไร เมื่อมีประเด็นผูกโยงกับกรณีของนายทักษิณ และ กมธ.มีคนของพรรคเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมาก นายชัยธวัช กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่า กรณีของนายทักษิณ จะทำให้การเสนอพิจารณานิรโทษกรรมมีปัญหาทางการเมืองมากขึ้น แต่การทำงานของ กมธ. ที่จะประชุมวันนี้ ประเด็นของมาตรา 112 ไม่ใช่วาระหลักที่จะพิจารณา แต่มีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ กลไกกรรมการที่ทำหน้าที่พิจารณาคดีที่จะได้รับการนิรโทษกรรม ทั้งองค์ประกอบ อำนาจ หน้าที่ ของกรรมการเป็นอย่างไร ซึ่งมอบหมายให้อนุกรรมการไปศึกษา

โดยรูปแบบคณะกรรมการที่จะพิจารณาคดีที่จะได้รับการนิรโทษกรรม แทนการบัญญัติฐานความผิดให้นิรโทษกรรมโดอัตโนมัติ เพราะอาจไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่มีคดีความต่อเนื่องยาวนาน และที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า กรรมการอาจมีอำนาจเหนือศาลหรือรัฐบาลนั้น ข้อเท็จจริงกฎหมายนิรโทษกรรม คือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ผ่านอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ และสามารถทำได้ ซึ่งทำมาทุกครั้ง เช่น การนิรโทษกรรมในอดีต ในคดีมาตรา 112 สามารถออกพระราชกำหนดแบบสั่งให้คดีหมายเลขนี้ ที่อยู่ในชั้นศาลให้ปล่อยตัวได้” นายชัยธวัช กล่าว

ส่วนในการทำงานได้วางหลักการของผลศึกษาอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องเสนอแนวทางของการออกกฎหมายที่มีรายละเอียด ไม่ใช่เสนอแค่กรอบกว้างๆ จับต้องไม่ได้ คือ ต้องมีการพิจารณาในกรอบคดีที่ควรได้รับการพิจารณา กรอบเวลากระบวนการนิรโทษกรรม รวมถึงทางเลือก ข้อดี ข้อเสีย รวมถึงรายละเอียดว่า นิรโทษกรรมจะกินความแค่ไหน จะรวมถึงการล้างมลทินให้บุคคลที่เคยได้รับคำพิพากษาหรือได้รับโทษเสร็จสิ้นหรือไม่ เป็นต้น

สำหรับกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องคดี นายทักษิณ ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งหลายฝ่ายจับตาว่า อาจซ้ำรอยนักโทษเทวดา รอบ 2 ว่า ต้องรอดู ทั้งนี้ตนเองเห็นด้วยกับบรรทัดฐานในกระบวนการยุติธรรมที่เท่ากัน ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าอยากเห็นนายทักษิณ โดนกระทำในคดีดังกล่าว แต่ต้องการเห็นบรรทัดฐานที่เท่าเทียมกัน ในระบบกฎหมาย ระบบนิติรัฐ ที่มีความชัดเจนแน่นอน ยึดถือสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนเป็นตัวตั้ง

นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่าในการต่อสู้คดี เป็นเรื่องของข้อเท็จจริงรายละเอียด พฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหา ซึ่งในแต่ละคดีไม่เหมือนกัน การพิจารณาอาจอยู่ในบรรยากาศทางการเมืองไม่เหมือนกัน แต่การได้รับข้อปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น สิทธิในการประกันตัว เพื่อจะทำให้มีสิทธิ์ในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ รวมถึงถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ควรเป็นบรรทัดฐานทั่วไป หากใครที่จะไม่ได้รับการประกันตัวเป็นกรณียกเว้นที่มีเหตุจริงๆ ควรมีเหตุผลให้ชัด ส่วนผลตัดสินไม่เหมือนกันในแต่ละคดี พูดยากว่าคดีไหนจะชนะหรือแพ้ในชั้นศาล

ขณะกรณีฟ้องคดีมาตรา 112 กับนายทักษิณ มองว่า เป็นเกมการเมืองเพื่อดึงขั้วเก่ากลับมาเป็นรัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า “ต้องจับตาดู ในสถานการณ์การเมืองไม่ดีมากนัก และน่าเป็นห่วงเพราะหากการเมืองมีปัญหา ไม่มีเสถียรภาพการ จะกระทบต่อการแก้ปัญหาของประเทศเฉพาะหน้า และระยะยาวด้วย ผมเชื่อว่าฝ่ายการเมืองคงจับตาดูสถานการณ์อยู่

นอกจากนี้ นายชัยธวัช ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี เตรียมแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย เพื่อช่วยให้รอดคดีในศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ว่า เป็นสิทธิ์ของนายกรัฐมนตรี แต่จะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมก็แล้วแต่การมอง

ส่วนจะส่งผลไปถึงคดีของนายทักษิณ ชินวัตร ให้รอดคดีด้วยหรือไม่นั้น มองว่าน่าจะคนละส่วนกัน เพราะนายวิษณุไม่ได้เข้าไปเป็นทนายความต่อสู้คดี จึงเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีต้องการให้เข้ามาช่วยเรื่องข้อกฎหมายของฝ่ายบริหาร ส่วนความเหมาะสมก็แล้วแต่มุมมอง ซึ่งก่อนหน้านี้ส่วนตัวได้ทราบมาว่า นายวิษณุ มีปัญหาเรื่องสุขภาพ จำเป็นต้องใช้เวลารักษาตัว

อย่างไรก็ตาม นายชัยธวัช เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดียุบพรรคก้าวไกลว่า ใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว คาดว่าหลังจากยื่นชี้แจงแล้วเสร็จ ในวันที่ 4 มิถุนายน น่าจะมีการแถลงต่อสื่อมวลชน

ส่วนการยื่นฟ้องนายทักษิณ และการยุบพรรคก้าวไกล จะเป็นการนำขั้วอำนาจเก่ากลับมาหรือไม่นั้น นายชัยธวัช ระบุว่า ก็ต้องจับตาดู แต่สถานการณ์ก็น่าเป็นห่วง เพราะเท่ากับว่าตอนนี้ เสถียรภาพทางการเมืองโดยรวมน่าจะมีปัญหา ขณะที่บรรยากาศแบบนี้จะทำให้เป็นอุปสรรค เมื่อการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ส่งผลให้ประเทศที่ควรจะมีสมาธิกับการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว จะได้รับผลกระทบไปด้วย พร้อมเชื่อว่าฝ่ายการเมืองกำลังจับตาดูสถานการณ์ที่ตอนนี้ไม่ค่อยดีมากนัก

สำหรับการดูงานต่างประเทศของกรรมาธิการ สส. ที่ถูกนำไปเปรียบเทียบ กับ สว.ในช่วงเดียวกันว่า ไม่มีความเหมาะสมนั้น นายชัยธวัช มองว่า ขึ้นอยู่กับความจำเป็น ที่ต้องดูรายละเอียด พร้อมยอมรับว่า การดูงานของกรรมาธิการที่ผ่านมา ทั้ง สส. และ สว. ได้เนื้อหาและประโยชน์ในการดูงานกลับมาน้อย ซึ่งควรที่จะถูกตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้วว่า เป็นการนำภาษีของประชาชนไปใช้อย่างไม่เหมาะสมหรือไม่ โดยย้ำ สส. เอง ก็ต้องดูกรรมาธิการว่า เอาภาษีของประชาชนไปเที่ยว หรือไปดูงาน แล้วเอาประโยชน์มาใช้ได้จริงๆ โดยเป็นสิ่งที่สภาต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ

Related Posts

Send this to a friend