POLITICS

‘รอมฎอน’ เชื่อ ตั้ง เลขาฯ สมช.เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ

‘รอมฎอน’ เชื่อ ตั้ง เลขาฯ สมช.เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ขอ รัฐบาลเอาจริงแก้ปัญหา มิเช่นนั้น ตัวเลือกความรุนแรงอาจกลับมา

วันนี้ (29 พ.ย. 66) ที่รัฐสภา นายรอมฎอน ปันจอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว The Reporters ภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษา และเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ครั้งนี้เราได้เชิญนักวิชาการเข้ามาเพื่อพูดคุยข้อค้นพบ และข้อสังเกต โดย ได้นำเสนอถึงสถิติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ว่าพบความท้าทายอะไรบ้าง โดยคนในพื้นที่เห็นเหมือนเดิมว่า แม้สถิติความรุนแรงจะลดลง แต่ทัศนคติต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ยังแย่ ซึ่งประชาชนในพื้นที่มีความเชื่อว่านักการเมือง หรือพรรคการเมืองจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ รองลงมาคือหน่วยงานการปกครองศาสนาและภาคประชาชน ส่วนอีกความเห็นคือการพูดคุย และพยายามทำความเข้าใจความคิดของกลุ่ม BRN ว่าการต่อสู้เป็นอย่างไร ยึดโยงศาสนาอย่างไร

นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยแนวทางการสร้างสันติภาพ นำเสนอเรื่องการเมืองการปกครอง 1 มณฑล 3 ชั้น ปรับปรุงโครงสร้างการปกครองส่วนท้องถิ่นแบบใหม่ ให้อำนาจประชาชนเลือกกลุ่มผู้บริหารของตนเอง ยึดโยงประชาชนมากขึ้น และเราไม่รู้ว่ารัฐบาลมีตุ๊กตาอะไร แต่เราในฐานะสภามีหน้าที่รับข้อเสนอ และส่งให้ศึกษาต่อและพัฒนาข้อเสนอนี้

ส่วนเรื่องการแต่งตั้งนายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นหัวหน้าคณะพุดคุยคนสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้คนใหม่ นายรอมฎอน ระบุว่า ในการประชุมก็มีคุย กัน ซึ่งก่อนหน้านี้เราเชิญนายฉัตรชัย มาให้ความเห็น ให้ข้อมูล 1 ครั้ง ในฐานะตัวแทน สมช. และเจอพร้อมคณะที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายฉัตรชัย เป็นตัวหลักในการนำเสนอพัฒนาการเรื่องนี้ หากมีความชัดเจนมากกว่านี้ เราคงเชิญมาอีกรอบ

นายรอมฎอน กล่าวต่อว่า ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการพูดคุยเรื่องนี้เปิดเผย ที่มีคณะพูดคุยเป็นพลเรือน แต่ก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่าการเอาเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาเป็นผู้นำ อาจไม่เป็นอิสระ แต่ในแง่หนึ่งก็ต้องทำงานอยู่ในความระมัดระวังด้วย และมีเสนอให้เป็นคนนอก เพราะโครงสร้างแบบนี้ อาจจะเจรจาต่อรองได้ดีกว่า พร้อมย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ควรต้องมีอำนาจเต็มในการตัดสินใจ

นายรอมฎอน มองว่า รองเลขา สมช. ทำงานเรื่องนี้ เกาะติดตั้งแต่ต้น ก็คงเหมาะสม รู้งานดี รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ แต่องค์ประกอบทั้งหมดที่ตัด 3 หน่วยงาน อย่างสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ สันติบาล และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ส่วนกลาง อาจส่งสัญญาณบวก ว่าการพูดคุยไม่ใช่แค่การหาข่าวกรอง ทำให้คนไม่เชื่อมั่น อาจมีความจำเป็นต้องคุยเรื่องลดความรุนแรง ที่ต้องอาศัยเสียงจากทหาร หรือ กอ.รมน. ด้วย

นายรอมฎอน ยังให้ความเห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะพูดคุยฯ ไม่ได้ต่างจากเดิม แค่คาดหวังว่าการพูดคุยจะมีความจริงจัง วางเป้าหมายชัดเจนในการพูดคุยเพื่อสันติภาพ ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็นส่วนนั้น ตนเองจะทำข้อเสนอจากฝ่ายนิติบัญญัติ ให้มีความจริงจัง ไม่งั้นก็จะเป็นเหมือนเดิม

ทั้งนี้ ผมยังมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องคำ “คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้” ซึ่งเป็นคำใหม่ ที่มีการเรียกตั้งแต่ช่วงรัฐประหาร อาจด้วยความกังวลใจหลายอย่าง ทำให้พยายามตีกรอบเป็นแค่เรื่องสันติสุข ไม่ใช่เรื่องสันติภาพ ซึ่งถือว่ามีนัยทางการเมือง แต่ใน สมช. ระหว่างนั้น ได้ตั้งศูนย์ขับเคลื่อนนโยบายสันติภาพชายแดนใต้ มองว่า แม้แต่ใน สมช. เองก็ใช้คำที่เปิดกว้างมากขึ้น แต่คำสั่งเมื่อวาน คำว่า สันติสุขกลับมาอีกครั้ง กับผู้คนใต้ปกครองในรัฐบาล เป็นการตีกรอบในประเทศ ไม่ให้คนอื่นหรือต่างประเทศเข้ามายุ่ง คำนี้มีความหมายแคบ ไม่สามารถทำให้เกิดการมีการมีส่วนร่วมได้

สำหรับสัดส่วนในคณะพูดคุยฯ นายรอมฎอน ระบุว่า ยังไม่มีอภิปรายเรื่องนี้ในที่ประชุม ซึ่งก่อนยุครัฐบาลประยุทธ์มีสัดส่วนคนนอกมากกว่านี้ แต่ปัจจุบันมีสัดส่วนข้าราชการเท่านั้นจนอาจเกิดการคิดว่าเป็นการจำกัดวง โดยในที่ประชุมจะเน้นเสนอแนะการออกแบบการบริหารเพื่อซัพพอร์ตกระบวนการบริหาร รวมถึงนิติบัญญัติต้องยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการสร้างสันติภาพ หรือสร้างองค์กรเพื่อกำกับดูแลกระบวนการที่ฝ่ายบริหารทำ

นายรอมฎอน กล่าวว่า ปัญหาอยู่ที่การริเริ่มของรัฐ ว่าจะเอาอย่างไร ขึ้นอยู่กับเจตจำนงค์ที่มั่นคง แน่วแน่ของรัฐบาลในการแก้ปัญหา เพราะต้องใช้แรงเยอะ ซึ่งรวมถึงแรงจากรัฐบาลด้วย เพราะเรื่องนี้กระทบงบประมาณรัฐ ผลประโยชน์ของผู้คน และคนที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งที่ผ่านมา เราต้องการความมุ่งมั่นจริงจัง การตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยฯ เมื่อวานนี้ เป็นแค่จุดเล็ก ๆ เราต้องการมากกว่านี้ ไม่ใช่เพียงแค่นโยบายเศรษฐกิจ รัฐบาลจะปั้นทิศทางภาคใต้ไปทางไหน หากตั้งดี เชื่อว่า BRN หรือคนอื่นที่เฝ้ามองอยู่จะเห็น และเราก็จะสามารถเปลี่ยนภูมิทัศน์ความขัดแย้งได้ เปลี่ยนสถานการณ์ได้มากกว่า

“ถ้าแนวทางการเมืองไม่แน่วแน่ ทางเลือกของการใช้ความรุนแรงจะกลับมา เราต้องการรัฐบาลที่มุ่งมั่นมากขึ้น” นายรอมฎอน กล่าว

นอกจากนี้ ในวันที่ 6 ธ.ค. นายจาตุรนต์ ฉายแสงในฐานะประธาน จะแถลงข่าวเรื่องนี้ ถึงท่าทีใหม่ของรัฐบาลที่เริ่มตั้งคณะพูดคุยฯ ว่าเรามีความคิดเห็นอย่างไร

Related Posts

Send this to a friend