สว.สำรอง ให้กำลังใจ ’สว.นันทนา‘ หลังถูกฟันผิดจริยธรรมร้ายแรง
สว.สำรอง มอบดอกไม้ให้กำลังใจ ’สว.นันทนา‘ หลังถูกฟันผิดจริยธรรมร้ายแรง ด้านเจ้าตัวเดินหน้าสู้ต่อ
วันนี้ (29 ต.ค. 68) กลุ่ม สว. สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เดินทางมายัง สภาเพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจนางนันทนา นันทวโรภาส สว. เนื่องจากเมื่อวานนี้ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติเสียงข้างมากว่ากระทำของนางนันทนา เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า วันนี้พวกเราคณะ สว. สำรอง ส่วนหนึ่งที่ได้ทราบข่าวถึงความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นกับนางนันทนา ที่ถูกยื่นตรวจสอบจริยธรรม พวกเราเห็นว่าน่าจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก เพราะนางนันทนา ได้ต่อสู้ในเรื่องที่ถูกต้องมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการเปิดโปงการ ฮั้ว สว. หรือความไม่ถูกต้องของ สว. กลุ่มหนึ่งที่อยู่ในสภา ที่ได้มาโดยไม่สุจริต เที่ยงธรรม พวกเราเห็น และทราบข่าวว่าเป็นอย่างไร แต่เขาอาจจะไม่มีเวที หรือโอกาสพูดคุยในสภาเหมือนนางนันทนา เราก็พูดคุยกันแต่ข้างนอก แต่นางนันทนาได้มีโอกาสพูดคุย และชี้แจงในสภา ก็เลยเป็นอันตรายต่อนางนันทนาเอง วันนี้ทางให้กำลังใจเพื่อที่จะให้ต่อสู้เพื่อความถูกต้องต่อไป และหวังว่าความดี สิ่งที่ถูกต้องนั้น จะช่วยปกป้องนางนันทนา ให้รอดพ้นจากสิ่งที่ถูกกล่าวหาในทุก ๆเรื่อง
นางนันทนา กล่าวว่า ขอบคุณ สว. สำรองทุกท่าน ที่วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจ ที่จริงไม่อยากเรียกว่า สว. สำรอง หากกระบวนการในการเลือก สว. นั้นไม่มีกระบวนการฮั้วเข้ามา ท่านเหล่านี้จะได้เข้ามาเป็น สว. ตัวจริง แต่สุดท้ายกระบวนการฮั้วที่ทำกันมาเป็นกระบวนการ ทำให้ท่านเหล่านี้ไม่สามารถเข้ามาเป็น สว. ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนได้อย่างแท้จริง วันนี้ได้มาให้กำลังใจ ตนเองก็ขอขอบคุณมาก และยังยืนยันว่าจะต่อสู้เพื่อให้ สว. สำรองทุกคน ที่เข้ามาอย่างถูกต้องบริสุทธิ์ ยุติธรรม ได้มีโอกาสขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็น สว. ซึ่งหมายความว่า เราจะต้องสู้กันเรื่อง สว. ต่อไป ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรียุติธรรม เราจะสู้ ให้ความยุติธรรมเกิดขึ้น และประชาชนต้องได้ตัวแทนที่เป็น สว. ที่ประชาชนต้องการอย่างแท้จริง
นางนันทนา ระบุว่า แม้ว่าตนเองจะถูกนิติสงคราม เมื่อวานนี้ถูกลงมติว่าขาดจริยธรรมอย่างไรแรง ด้วยข้อหาเพียงกล่าวชื่ออาชีพของผู้ที่เป็น สว. ว่าเป็นเป็นคนขายหมู ซึ่งอาชีพนี้ เขาเองก็เขียนในใบ สว. 3 ว่าเป็นอาชีพ และพูดในสภาวะภาคภูมิใจ แต่เมื่อตนเองมาพูดว่า คนขายหมูเข้ามาเป็นกรรมาธิการพัฒนาการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดฝาผิดตัว กลายเป็นว่า คำพูดของตนเองนำไปสู่การร้องจริยธรรม และลงมติขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรง และการลงมติเมื่อวานนี้ ไม่ได้ลงมติด้วยเหตุผล หลักการ ไม่ได้ใช้ความยุติธรรม และไม่ได้มองเหตุและผลที่เกิดขึ้นจริง แต่ลงมติกันได้ 130 เสียง หากจำตัวเลขการเลือกองค์กรอิสระ ตัวเลขก็จะเอามาประมาณนี้ แปลว่าการกล่าวหาตนเองนั้น คนที่เข้าไปลงมตินั้น ลงมติด้วยหลักการด้วยเหตุผลหรือไม่ หรือแท้จริงแล้วมีใบสั่งที่จะให้มาดำเนินการ เพื่อปิดปากไม่ให้ตนเองออกมาต่อสู้ ต่อต้านสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ยืนยันว่า ถึงแม้ความยุติธรรมจะไม่เกิดขึ้นในที่สภาแห่งนี้ แต่ตนเองจะต่อสู้ต่อเพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชน และให้ความรู้ธรรมเกิดขึ้นในประเทศแห่งนี้ และจะไม่มีใครสามารถกินรวบวุฒิสภา องค์กรอิสระ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติได้












