POLITICS

‘ปดิพัทธ์’ แจงเหตุไม่สละเก้าอี้รองประธานสภาฯ หวังขับเคลื่อนงานสภาฯ

ปัดตอบคืนรังสมัยหน้าหรือไม่ เผย ยังมีเวลาอีก 30 วัน ขอกลับพิษณุโลกก่อน ยังไม่ได้หารือพรรคอื่นอย่างเป็นทางการ ย้ำอุดมการณ์ต้องตรงกัน

วันนี้ (29 ก.ย. 66) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ อาคารรัฐสภา ภายหลังพรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากสมาชิกพรรค และแนวทางการไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่หลังจากนี้ โดย นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตัดสินใจลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางให้ที่ประชุมใหญ่ พรรคก้าวไกล มีมติเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ ส่วนตัวเข้าใจดีว่าตามรัฐธรรมนูญ ตนเองไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ ต่อในฐานะ สส. จากพรรคก้าวไกลได้

แม้ทางเลือกหนึ่งคือการลาออกจากการเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ สส. คนหนึ่งของพรรคก้าวไกล แต่หลังจากพิจารณาไตร่ตองอย่างถี่ถ้วน ถึงผลกระทบของการตัดสินใจของตนเองต่อการขับเคลื่อนวาระการเปลี่ยนแปลงที่ตนเองได้ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนในวันที่เข้ามารับตำแหน่งรองประธานสภาฯ นายปดิพัทธ์ จึงได้ตัดสินใจแจ้งกับคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลชุดใหม่ว่า ประสงค์จะทำหน้าที่ต่อในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะทำให้ตนเองไม่สามารถเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลได้อีกต่อไป

นายปดิพัทธ์ ระบุว่า มีเหตุผลประกอบการตัดสินใจ 3 ส่วน ดังนี้

1.ต้องการใช้วาระที่เหลือของสภาฯ ในการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร ให้มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพสูง และเป็นของประชาชน

สภาฯ โปร่งใส ตนเองจะขับเคลื่อนให้สภาฯ มีการจัดเก็บ และเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานสากล ซึ่งรวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำงานของสภาฯ ในรูปแบบที่วิเคราะห์ต่อได้ การกำหนดให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมคณะกรรมาธิการ การยกระดับระบบสืบค้นข้อมูลของเว็บไซต์สภาฯ การพัฒนาระบบตรวจจับใบหน้า (face detection) เพื่อป้องกันการเสียบบัตรแทนกัน

สภาประสิทธิภาพสูง ตนเองจะขับเคลื่อนให้สภาฯ นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน ผ่านการออกนโยบาย Cloud First Policy ที่จะนำไปสู่การประหยัดต้นทุนด้านธุรการ และความปลอดภัยในการเก็บเอกสาร รวมถึงการขับเคลื่อนให้สภาคำนึงถึงความยั่งยืนในการบริหารจัดการ ผ่านการส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานสะอาดในอาคารรัฐสภา และการอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่และผู้ใช้บริการในการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า

สภาของประชาชน ตนเองจะขับเคลื่อนให้สภาฯ ยึดโยงกับประชาชนและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองในระบบรัฐสภา ผ่านการเพิ่มการมีส่วนร่วมของเยาวชน การเปิดใช้พื้นที่รองรับกิจกรรม และการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน การจัดสภาสัญจรเพื่อนำพากลไกสภาฯ ไปใกล้ชิดประชาชนทุกพื้นที่ และการตรวจรับสภาฯ ให้ไม่มีการทุจริตและการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชนเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม

2.ตนเองต้องปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาฯ อย่างเป็นกลางต่อทุกพรรคการเมืองในสภาฯ และต่อประชาชนทุกชุดความคิด ไม่ว่าจะสังกัดพรรคใด

ดังนั้น การที่ตนเองต้องเปลี่ยนพรรคต้นสังกัด จะไม่กระทบต่อการทำหน้าที่ และแผนงานของตนเองในฐานะรองประธานสภา

3.ตนเองมั่นใจว่าพรรคก้าวไกล จะสามารถดูแลความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลกได้อย่างครบถ้วน

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การทำหน้าที่รองประธานสภาฯ ของตนเอง ทำให้ตนเองจำเป็นต้องพัฒนาทีมงานพรรคก้าวไกลในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะพื้นที่เขต 1 เพื่อเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการประสานการแก้ไขปัญหาในพื้นที่

ดังนั้น จึงมั่นใจว่าทีมงานของพรรคก้าวไกลในจังหวัดพิษณุโลก จะมีศักยภาพเต็มที่ในการทำงานดูแลพี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลกเขต 1 ร่วมกับผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล จังหวัดพิษณุโลกเขต 5 (นายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ) ขณะที่ตนเองก็ยังคงทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก เขต 1 ควบคู่ไปกับบทบาทรองประธานสภาฯ ให้ดีที่สุด

นายปดิพัทธ์ น้อมรับมติของพรรคก้าวไกลที่ต้องการทำหน้าที่ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ และตัดสินใจให้สมาชิกภาพของผมในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกลยุติลง

“จากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าผมจะไปสังกัดพรรคการเมืองใด ผมจะผลักดันการยกระดับการทำงานของสภาอย่างเต็มที่ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ ในฐานะรองประธานสภาที่เป็นกลางต่อทุกพรรค และรองประธานสภาของพี่น้องประชาชนทุกคน” นายปดิพัทธ์ กล่าว

จากนั้น นายปดิพัทธ์ เปิดให้สื่อมวลชนสอบถาม โดยผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ยังมีความรู้สึกในใจว่า ยังเป็นพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ความรู้สึกก็ห้ามกันไม่ได้ แต่โดยพฤตินัย ตนไม่ได้เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล ตั้งแต่รับหน้าที่รองประธานสภาฯ แล้ว ดังนั้น ความรู้สึกถูกเตรียมการไว้แล้ว

นายปดิพัทธ์ ยืนยันว่าสามารถชี้แจงได้ ไม่มีเงื่อนงำ ทุกอย่างพูดตรงไปตรงมา ว่าทำด้วยเหตุผลอะไรบ้าง ผลงานที่ผ่านมาและอนาคตจะเป็นบทพิสูจน์ว่าได้ทำตามที่ให้สัญญาไว้กับประชาชนหรือไม่

นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า พรรคที่จะไปสังกัดต้องเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง อุดมการณ์ประชาธิปไตยสอดคล้องกับอุดมการณ์ของตน ตนอยากเห็นการเมืองที่ดี ตรงไปตรงมา สร้างสรรค์ สนับสนุนอำนาจประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน ทั้งนี้ ทีมงานพรรคก้าวไกลพิษณุโลกจะตามไปด้วยหรือไม่ คงต้องดูข้อกฎหมาย

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การตัดสินใจของพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นการตัดสินใจระยะสั้น มีการพูดคุยถึงทางเลือกต่างๆ ร่วมกัน ซึ่งการพูดคุยนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว เราได้มอบฉันทามติว่าจะน้อมรับมติของพรรค หลังจากนี้จะเป็นการตัดสินใจของตนเองว่าจะไปอยู่พรรคไหน แน่นอนว่าต้องเป็นพรรคการเมืองที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ส่วนตัว ไม่สามารถข้ามขั้วหรือขัดแย้งต่ออุดมการณ์ของตนได้ พร้อมยืนยันว่ายังไม่มีการคุยอย่างเป็นทางการกับพรรคอื่น ตอนนี้มีเวลา 30 วัน เพิ่งจะวันที่ 1 ตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการกลับไปจังหวัดพิษณุโลก กลับไปหาครอบครัว และค่อยๆ ทำความเข้าใจกันกับคนพิษณุโลก

นายปดิพัทธ์ ปฏิเสธจะกล่าวถึงอนาคตทางการเมืองหากมีการยุบสภาฯ หรือเลือกตั้งใหม่ โดยระบุว่า ขอให้ถึงเวลาก่อน ยังคิดว่าอีกนาน ตอนนี้ตัดสินใจให้ดีที่สุดก่อน

Related Posts

Send this to a friend