POLITICS

‘เศรษฐา’ พร้อมเปิดประเทศต้อนรับการลงทุนครั้งใหญ่ เตรียมส่งผู้แทนรัฐบาลเจรจาขยาย FTA

วันนี้ (29 ก.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในปาฐกถาพิเศษ “Next Chapter ประเทศไทย” ว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่เราเข้าใจดี เราประสบปัญหาเหมือนกับเพื่อนบ้านและกำลังฟื้นตัวจากโควิด-19 รัฐบาลจึงพยายามเขียนนโยบายดีหลายอย่าง ทั้งดิจิทัลวอลเล็ต เพิ่มค่าแรง และพักหนี้เกษตรกร

เราเข้าใจว่าพี่น้องประชาชนเดือดร้อน อะไรที่ทำได้ เราทำก่อน เช่น การลดค่าไฟ และพักหนี้เกษตรกร ที่ผ่านมาพักหนี้ไป 13 รอบใน 9 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น “พักแล้ว พักอีก พักต่อไป ต้องพักอีกหรือไม่” เราจึงจำเป็นต้องพักหนี้เกษตรกรตอนนี้ เพราะเกษตรกรเดือนร้อนมาก ขาดขวัญและกำลังใจในการทำงาน โดยรัฐบาลจะใช้แนวคิดการตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ยกเว้นจะมีภัยพิบัติที่เราต้องช่วยจุนเจือเกษตรกร แต่ไม่ขอพูดถึงรัฐบาลก่อน ๆ

นายเศรษฐา ระบุว่าเป็นเรื่องน้ำท่วมและภัยแล้ง โดยเฉพาะระดับน้ำในเขื่อนที่น้อยลง สำหรับการบริหารจัดการน้ำจะแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ การบริโภค การรักษาระบบนิเวศ อุตสาหกรรม และเกษตรกรรม ซึ่งสองอย่างหลังมีปัญหาฝนตกน้อย ฝนตกหลังเขื่อน และหากบริหารไม่ดีภาคอุตสาหกรรมจะมีน้ำใช้ถึงแค่เดือนเมษายน 2567 จึงสั่งการไปยังกรมชลประทานว่าต้องไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้น

ทั้งนี้การเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) ครั้งที่ 78 ที่สหรัฐอเมริกา มีโอกาสเจอผู้นำในหลายประเทศ และประกาศให้รู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับการทำธุรกิจ เราจะมีผู้แทนรัฐบาลไปเจรจากับทุกประเทศเพื่อขยายข้อตกลง FTA มากขึ้น เปิดประเทศให้นักลงทุนเข้ามา จากการพบนักลงทุนหลายบริษัท ทั้งไมโครซอฟต์ และเทสลา เขาให้ความสนใจจะมาลงทุนในไทย ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจะพูดคุยต่อเนื่องในการประชุมเอเปคซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายว่าจะต้องมีการตกลงกันขั้นพื้นฐานกับหลายบริษัท ยกระดับการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ในที่ประชุมยังคุยเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Green Economy) ซึ่งรัฐบาลไทยย้ำว่าเรา Open For Business รัฐบาลพร้อมเปิดประเทศ และพร้อมทำ Business Matching อย่างถูกกฎหมาย

ส่วนการลงทุน Infrastructure ต้องทำต่อเนื่อง โดยเฉพาะสนามบิน ไม่ให้นักท่องเที่ยวกระจุกตัวที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือภูเก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวอยู่ในไทยนานขึ้น ทุกกระทรวงต้องร่วมมือกันโปรโมทยกระดับท่าอากาศยานให้รองรับเครื่องบินมากขึ้น ให้เที่ยวบินเข้าออกในช่วงกลางคืนได้ ซึ่งเป็นความปรารถนาของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจในทั่วประเทศ อาจมีการเปลี่ยนสนามบินภาคใต้เป็น “อันดามันแอร์พอร์ต” เชียงใหม่เป็น “ล้านนาแอร์พอร์ต” ตนเองเทหมดหน้าตักในการบริหารประเทศ

โดยในเดือนธันวาคมนี้ ตนเองจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เราไม่ลืมต้นน้ำที่ญี่ปุ่นเคยช่วยเหลือเรามาเป็น 10 ปี ทั้งนี้กรณีของบริษัทรถญี่ปุ่นที่มีความกังวลเรื่องตลาดรถ EV ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถญี่ปุ่น เราจะพูดคุยกับสมาคมยานยนต์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์สันดาปช่วงสุดท้ายด้วย

Related Posts

Send this to a friend