‘ไพบูลย์‘ ถามเป็นฝ่ายค้านเสียหายตรงไหน

หลังพลังประชารัฐถูกดีดออกพรรคร่วม ทวงคำมั่นนายกฯ โหวตแลกเก้าอี้ เตรียมประชุมใหญ่ 6 ก.ย.ยันไม่ขับ ‘ธรรมนัส‘ เพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน
วันนี้ (29 ส.ค. 67) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค หลังพรรคเพื่อไทยไม่เชิญเข้าร่วมรัฐบาล โดยตนเองได้แจ้งในที่ประชุมตามที่ปรากฏในข่าว เห็นว่าเลขาธิการพรรคเพื่อไทยออกมาบอกว่าไม่เอาเราเป็นพรรคร่วม แต่ไม่ได้กล้าเอ่ยชื่อ ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย แต่เกี่ยวโดยตรงกับนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีสัญญาประชาคมร่วมกัน จากการที่พรรคพลังประชารัฐลงมติเห็นชอบให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และมีคำมั่นว่าจะให้มีที่นั่งในคณะรัฐมนตรี เป็นสิ่งที่นายกต้องดำเนินการตามที่ให้คำมั่นไว้
นายไพบูลย์ ยกกฎหมายมาตรา 362 หรือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 362 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “บุคคลออกโฆษณาให้คำมั่นว่าจะให้รางวัลแก่ผู้ซึ่งกระทำการอันใด ท่านว่าจำต้องให้รางวัลแก่บุคคลใด ๆ ผู้ได้กระทำการอันนั้น แม้ถึงมิใช่ว่าผู้นั้นจะได้กระทำเพราะเห็นแก่รางวัล“
ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีออกมายืนยันว่ามีพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมรัฐบาล ดังนั้นคนที่จะห่วงควรห่วงนายกรัฐมนตรี เพราะการไปให้คำมั่น แต่ไม่ปฏิบัติตามนั้นวิญญูชนก็จะว่าได้ อาจจะมีข้อครหาที่ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญก็เคยวินิจฉัยในคดีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีถูกถอดถอนมาก่อน
”เราสบายมาก หัวหน้าพรรคมีความสุข ท่านมีความเข้มแข็งและแน่วแน่ที่จะดูแลพรรคพลังประชารัฐในฐานะหัวหน้าพรรคไปตลอดจนไม่ไหว เรื่องที่เกิดขึ้น ท่านเฉย ๆ มาก“
ส่วนจะฟ้องร้องนายกรัฐมนตรี หลังจากที่เป็นฝ่ายค้านเต็มตัวแล้วหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่าเราเป็นพรรคผู้ใหญ่คงไม่ฟ้อง ความสำคัญคือคำมั่นสัญญากับนายกรัฐมนตรี มีคำมั่นแล้วไม่ปฏิบัติตามก็จะเป็นข้อครหา พรรคพลังประชารัฐก็ไม่ได้หวังว่าจะเปลี่ยนอะไร เมื่อนายกรัฐมนตรีทำไปแล้วก็อยากให้ทำให้จบ
ทั้งนี้ที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียกคณะรัฐมนตรีเข้าพบในวันที่วินิจฉัยคดีนายเศรษฐา นายไพบูลย์ ไม่ทราบว่าในคืนนั้นจะมีไม้เด็ดในการยื่นฟ้องหรือไม่ ถึงทราบก็ไม่รู้ว่าจะบอกทำไม คิดว่าคงไม่ใช่แค่เรื่องนี้ ตอนนี้อยากจะย้ำถึงคำมั่นที่เคยให้ไว้ก่อน ย้ำว่าไม่ต้องมาห่วงพรรคพลังประชารัฐ สิ่งที่ห่วงคือ สถานะของรัฐบาลว่าเริ่มแบบนี้ จะไปได้ไกลมากเท่าไร
ถือเป็นข้อดีที่ไม่มีชื่อพรรคพลังประชารัฐอยู่ในรัฐบาล เพราะไม่ต้องทำตามข้อบังคับ สส.ก็จะทำงานได้อย่างมีอิสระ ไร้ขีดจำกัด สามารถโหวตเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้อย่างเต็มที่ ส่วนการที่พูดถึงเรื่องพรรคฝ่ายค้าน ก็เป็นแค่ระเบียบในสภาผู้แทนราษฎร แต่การทำงานจริง ๆ ก็คือ พรรคพลังประชารัฐทำตามอุดมการณ์
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่าเป็นฝ่ายค้านเสียหายตรงไหน ในอดีตพรรคเพื่อไทยก็เป็นฝ่ายค้านมาก่อน แล้วตอนนี้ตนเองก็เห็นว่าเป็นประโยชน์ เพราะหากไปร่วมรัฐบาลที่ไม่ทันไรนายกรัฐมนตรีก็มีปัญหาเรื่องคำมั่นที่ปฏิบัติไม่ได้ หากไปอยู่ด้วยพรรคเสียชื่อ ประชาชนจะมองเราด้านไม่ดี
ส่วนกรณีที่รัฐบาลอาจตั้งกลุ่มรายชื่อรัฐมนตรีของร้อยเอกธรรมนัสนั้น เป็นเรื่องในครอบครัวพลังประชารัฐ คนอื่นไม่อยากให้เกี่ยว ที่เราสนิทสนมกันมาตลอด ไม่ต้องมาห่วงในพรรค ขอให้ห่วงท่านนายกฯ
นอกจากนี้คณะกรรมการบริหารพรรค มีมติจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ครั้งที่ 2/2567 ในวันวันศุกร์ที่ 6 กันยายนนี้ วาระสำคัญคือการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งนายไพบูลย์ ยืนยันว่าจะไม่มีมติขับ ร้อยเอกธรรมนัส เพราะใครจะขับคนในครอบครัวตนเอง ขอให้สื่อมวลชนไปเคลียร์ข่าวที่ลือออกไปด้วย เรามีความสุขที่จะอยู่ด้วยกัน ซึ่งตนเองก็ได้พูดคุยกับ ร้อยเอกธรรมนัส และทราบว่าท่านก็มีความสุขเหมือนกัน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า “Yes” หลังถูกถามว่า สส.ในพรรคยังครบ 40 คนหรือไม่ ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าถ้าลูกดื้อจะทำอย่างไร นายไพบูลย์ ตอบว่า “รักกันหมด”