POLITICS

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องกล่าวหา เพื่อไทย-เศรษฐา ล้มล้างการปกครอง กรณีหาเสียงนโยบายแจกเงินดิจิทัล

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องกล่าวหา เพื่อไทย-เศรษฐา ล้มล้างการปกครอง กรณีหาเสียงนโยบายแจกเงินดิจิทัล ชี้ หลักฐานไม่ชัดเจน ขณะ กกต.รอด มติศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ปมกล่าวหาไม่กำกับ – ควบคุม ‘ก้าวไกล’ เอานโยบายหาเสียงแก้ ม.112 มาใช้ตอนเลือกตั้ง

วันนี้ (29 พ.ค. 67) ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่สนใจ ดังนี้

คำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 (เรื่องพิจารณาที่ 15/2567) นายคงเดชา ชัยรัตน์ (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 1) ที่นำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำให้คะแนนเสียงเลือกตั้งไม่ได้มาจากเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชน เป็นการกระทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และการมีพฤติการณ์ยินยอม ให้นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 4 ) ชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมือง ทำให้การใช้เสรีภาพในการจัดตั้งพรรคการเมือง ไม่เป็นไปตามกฎหมาย การกระทำของคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่นำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ การกระทำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 3 ) ในการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่ให้ข้อมูลข่าวสารตามข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องครบถ้วนแก่ประชาชน กระทำการเป็นสื่อมวลชนประเภทสื่อออนไลน์ อันเป็นลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี และมีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการแต่งตั้งบุคคลที่ขาดคุณสมบัติเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม และการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 4 ที่อาจเป็นการชี้นำกิจกรรมของผู้ถูกร้องที่ 1 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพทางการเมืองเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

ผลการพิจารณา

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง หรือพยานหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ และยังไกลเกินกว่าเหตุที่แสดงให้เห็นได้ว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 กระทำการใด ๆ ที่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง คำร้องเป็นเพียงการแสดงความเห็นต่างของผู้ร้องเท่านั้น

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่ง ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาที่ 16/2567 คำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กรณีนายธรณิศ มั่นศรี (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ “กกต.” (ผู้ถูกร้อง) มีหน้าที่ในการกำกับ ควบคุม และบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 5 มาตรา 28 และมาตรา 29 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ข้อ17

แต่ผู้ถูกร้องละเลยให้พรรคก้าวไกลนำประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาใช้หาเสียงเลือกตั้ง การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นการสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลกระทำผิดในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องไม่ปรากฏว่าผู้ร้องประสงค์ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการใดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง กรณีไม่เป็นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat