ผู้ประกอบการขอบคุณรัฐออกมาตรการส่งเสริมการใช้รถ EV
ผู้ประกอบการขอบคุณรัฐออกมาตรการส่งเสริมการใช้รถ EV ด้านรัฐบาล ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางผลิตรถ EV อาเซียน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบความคืบหน้าการจัดแสดงอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปี 2565 พร้อมยืนยันว่า ภาครัฐจะเร่งพลิกฟื้นภาคเศรษฐกิจทั้งระบบ โดยเล็งออกมาตรการส่งเสริมรอบด้านเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมรถ EV ในประเทศให้มากยิ่งขึ้น พร้อมชูจุดเด่นด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ตัวแทนผู้ประกอบการยานยนต์พึงพอใจต่อมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐที่เพิ่งประกาศล่าสุด เช่น มาตรการลดภาษีการนำเข้าของผู้ประกอบการ และลดภาษีสรรพสามิต รวมถึงการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ช่วยกระตุ้นตลาดรถไฟฟ้า ให้มีราคาน่าสนใจสำหรับผู้บริโภคมากขึ้น
จากข้อมูลสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (The Thai Automotive Industry Association : TAIA) คาดการณ์ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้าจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะมีปัจจัยบวกสนับสนุนในหลายส่วน รวมทั้งกระแสยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่กำลังเป็นเทรนด์ของทั่วโลก เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ได้เข้ามาตอบโจทย์การลดภาวะโลกร้อน มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปัจจุบัน ประเทศต่างๆหันมาส่งเสริมการใช้รถ EV มากขึ้น
ล่าสุด รัฐบาลไทยได้ผ่านร่างมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) กำหนดนโยบาย 30@30 คือ การตั้งเป้าการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2030 หรือ พ.ศ. 2573 เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกหรือศูนย์กลางของภูมิภาค (EV Hub)
นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ รองประธานฝ่ายกิจการองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ ค่ายเกรท วอล มอเตอร์ กล่าวว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้ ในฐานะผู้ประกอบการมีความพร้อมที่จะสนองนโยบายเพื่อส่งเสริมการใช้รถ EV ของรัฐบาล โดยเกรทวอลฯ มีความพร้อมในการจำหน่ายรถ EV ในงานมอเตอร์โชว์ ซึ่งขณะนี้คนไทยมีความตื่นตัวต่อการใช้รถ EV มากขึ้น และสามารถตัดสินใจเลือกใช้รถ EV ได้เร็วขึ้นจากมาตรการสนับสนุนที่ภาครัฐปล่อยออกมา เนื่องจากนโยบายส่งเสริมที่รัฐบาลออกมานับเป็นความคุ้มค่าเป็นอย่างมากที่จะตัดสินใจซื้อรถ EV เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงน้ำมันแพง การใช้รถ EV จึงนับเป็นความคุ้มค่าและเป็นทางเลือกที่ดี นอกจากนี้ ต้องการให้ภาครัฐมองระยะยาวของการใช้รถ EV ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการสร้างอุปสงค์ได้ในระดับหนึ่งแล้ว ความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้าในอีก 2 ปีตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลจึงนับเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้คนไทยสามารถใช้รถ EV ได้ง่ายขึ้น มีรุ่นต่าง ๆ หลากหลายขึ้น
มองว่าประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกสู่กลุ่มประเทศอาเซียน และแม้ว่ารถ EV จะมีราคาสูง แต่จากนโยบายของรัฐบาลทำให้ราคาลดลง จึงทำให้ประชาชนให้ความสนใจสั่งจองในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้เป็นจำนวนมาก โดยเชื่อมั่นว่ายอดขายจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา ทั้งนี้ เมื่อประชาชนตื่นตัวหันมาให้ความสนใจใช้รถ EV มากขึ้นแล้ว รัฐบาลก็ควรพัฒนาเพิ่มสถานีชาร์จเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถ EV ควบคู่กันไปด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชน
“รัฐบาลยังมองเรื่องการขยายช่องทางสู่ตลาดยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศ รวมถึงจะมีการประเมินสถานการณ์และนโยบายการสนับสนุนการใช้รถ EV ของประเทศเพื่อนบ้าน และมีแผนออกมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถ EV ของภูมิภาคอาเซียนให้ได้ โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการขับเคลื่อนให้เกิดการใช้งานรถ EV อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งเป้าภายใน 5 ปีจากนี้ จะมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไม่น้อยกว่า 360,000 คัน โดยแบ่งเป็นใช้ในประเทศ 260,000 คัน และส่งออก 100,000 คัน นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ได้ตั้งเป้าให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท รวมกว่า 1.05 ล้านคันภายในปี 2568” นายธนกรกล่าว












