POLITICS

‘เศรษฐา’ เชื่อ เพื่อไทย – ก้าวไกล เจรจากันได้ ปม ตำแหน่งประธานสภาฯ

‘เศรษฐา’ เชื่อ เพื่อไทย – ก้าวไกล เจรจากันได้ ปม ตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่กระทบเป้าหมายหลัก มอง ไม่ได้เป็นการแย่งตำแหน่ง มั่นใจได้ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ ส่วน การเปิดตัว ‘ปดิพัทธ์’ ไม่ได้เป็นการออกตัวแรง ชี้ คงเป็นไปตามครรลองพรรคก้าวไกล

วันนี้ (28 มิ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย เข้าประชุมที่พรรคพร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

นายเศรษฐา ระบุว่า เมื่อวานนี้ได้มีการพูดคุยกันระหว่างกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส. ในพรรคถึงเรื่องการเตรียมความพร้อมก่อนรัฐพิธีเปิดประชุมสภา ในวันที่ 3 ก.ค. นี้ และได้พูดคุยถึงการเจรจาเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ กับทางพรรคก้าวไกล และไม่ได้มีมติในการพูดคุย เพียงแต่เป็นความเห็นของคนในพรรคเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ โดยตอนที่เซ็นเอ็มโอยูร่วมกัน ก็ยังไม่มีการตกลงกันเรื่องนี้ และยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา ซึ่งคิดว่าคงจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งยังพอมีเวลาเหลืออีก 3-4 วันในการพูดคุยกัน

“เราไม่ทรยศประชาชน และเคารพเสียงของประชาชน รับฟังทุกเสียง ทั้ง ส.ส. ในพรรค และกรรมการบริหารพรรค แม้จะมีหลายคนพูดกันเยอะ แต่สิ่งที่สำคัญคือธงในการจัดตั้งรัฐบาลจะต้องไม่เปลี่ยน เราจะได้มีรัฐบาลใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน”

ผู้สื่อข่าวถามว่าการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ จะทำให้ประชาชนมองว่าเป็นการแย่งตำแหน่งกันหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า คงไม่ได้แย่งตำแหน่ง เพราะการแข่งขันจบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. ซึ่งตอนนี้เหลือเรื่องรายละเอียดในการพูดคุย เชื่อว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ส่วนจะส่งผลให้มีการพลิกขั้วทางการเมืองหรือไม่นั้น นายเศรษฐามั่นใจว่า ไม่มีการพลิกขั้วแน่นอน พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลจะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลได้ ยังมีเวลาอีก อยากให้ใจเย็นๆ แม้ตนเองไม่ได้อยู่ในคณะเจรจาฯ แต่จากที่ฟังก็ยังเป็นไปได้ด้วยดีอยู่

ส่วนที่พรรคก้าวไกลเสนอชื่อประธานสภาฯ และไปออกตามรายการต่าง ๆ จนถูกมองว่าออกตัวแรงไปแล้วนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า อย่าใช้คำว่าออกตัวแรงเลย เพราะเขาก็แสดงออกชัดเจนมากกว่า มีการโหวตทางภายในก็เป็นไปตามครรลองคลองธรรมของในพรรค ยืนยันว่าการเลือกประธานสภาฯ ครั้งนี้จะไม่เป็นอุปสรรคใดในการจัดตั้งรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเจรจากันแล้วยังไม่ได้ข้อยุติ จะมีการเสียสละ หรือปรับเรื่องสูตรตัวเลขตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า อย่าคิดว่าเป็นการเสียสละ ยกให้ หรือถอยให้ แต่เป็นการคุยกัน ในจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลมากกว่า ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีอะไร คุยกันได้ดี ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เป้าหมายหลักก็จะไม่เสีย

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ากรณีนี้จะส่งผลกระทบต่อการรีแบรนด์พรรคหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเลย เพราะการรีแบรนด์เป็นเรื่องภายในพรรคเพื่อไทย มั่นใจว่าสูตรสุดท้ายคือเพื่อไทยจับมือกับก้าวไกลได้

ส่วนพรรคเพื่อไทย จะมีการเปิดรายชื่อประธานสภาฯ เมื่อใดนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ตนเองไม่ทราบ ไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการบริหารที่มีการพูดคุยกันให้รู้เรื่องก่อน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหากจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า ก็จะส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เราก็แก้ไขปัญหาต่อไป ซึ่งพรรคมี ส.ส. ประจำพื้นที่ มีเครือข่าย ก็ต้องบริหารจัดการปัญหากันไปก่อนการจัดตั้งรัฐบาล อะไรทำได้ตอนนี้ก็ทำไป อะไรที่ต้องการรัฐมนตรีช่วยเหลือก็ต้องรอต่อไปก่อน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามทิ้งท้ายว่าหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐามีความพร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า คงไม่มี เพราะเรามั่นใจว่านายพิธา จะได้รับฉันทามติเป็นนายกฯ อย่างแน่นอน

Related Posts

Send this to a friend