POLITICS

ศาลยกฟ้อง ‘หมอวรงค์’ คดี พิธา – ก้าวไกล ฟ้องหมิ่นประมาท

ศาลยกฟ้อง ‘หมอวรงค์’ คดี พิธา – ก้าวไกล ฟ้องหมิ่นประมาท กรณีกล่าวหาสนับการล้มล้างฯ พร้อมเรียกค่าเสียหายกว่า 24 ล้านบาท ด้านหมอวรงค์ ประกาศชัยชนะ ยืนยัน ไม่ฟ้องกลับ แนะ เป็นพรรคการเมืองใจต้องกว้าง

จากกรณีที่ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษา คดีหมิ่นประมาทพรรคก้าวไกล หมายเลขดำ 307/2564 ที่พรรคก้าวไกลเป็นโจทก์ฟ้อง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 จากกรณีไลฟ์สดกล่าวถึงในการแถลงข่าวการจัดตั้งพรรคไทยภักดีเมื่อช่วงต้นปี 2564

ล่าสุดวันนี้ (28 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้พิจารณาพิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าว โดยระบุสาเหตุว่า การแสดงความคิดเห็นของจำเลยตามคำฟ้อง เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตตามรัฐธรรมนูญ มีเจตนาเพื่อปกป้องสถาบันฯ โดยมีความเป็นห่วงกังวลในฐานะประชาชนคนหนึ่ง

ด้าน นพ.วรงค์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารับฟังคำพิพากษาว่า คดีวันนี้เป็นคดีที่พรรคก้าวไกล โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นผู้ลงนามฟ้องตนในข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหาย 24,062,475 บาท คือตัวเลขของวันที่ 24 มิ.ย. 2475 วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งประเด็นที่ฟ้องตน คือการที่ตนวิพากษ์วิจารณ์ว่า พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และม็อบ 3 นิ้ว มีความเชื่อมโยงสนับสนุนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า แต่สุดท้ายศาลได้พิเคราะห์ตามหลักฐาน และข้อเท็จจริงต่างๆ ซึ่งศาลเห็นว่า การแสดงความคิดเห็นของตนนั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามหน้าที่ในฐานะพลเมืองไทยตามรัฐธรรมนูญในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงได้ถือโอกาสยกฟ้องในคดีนี้ พร้อมชูกำปั้น และกล่าวว่า “ผมชนะครับ”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่าโจทก์จะยื่นอุทธรณ์ต่อ นพ.วรงค์ ระบุว่า เราไม่กังวล เรามีทีมทนายเป็นที่ปรึกษา ทำการบ้านในคดีนี้ดี และเป็นสิทธิของเขาที่จะอุทธรณ์ แต่อย่างน้อยตนก็มีความอุ่นใจในฐานะประชาชน ที่เราทำหน้าที่ในการปกป้องสถาบันหลักของชาติ และถือว่าทำหน้าที่สุจริตตามรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะมีการฟ้องกลับหรือไม่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า เราเป็นคนไม่ชอบค้าความ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า เรายืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งในเรื่องส่วนตัวใดๆ เพียงแต่มีความขัดแย้งในทางความคิด และอุดมการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งมีหลายประเด็นที่เราฟ้องเขาได้ แต่เราก็ไม่ฟ้อง เราฟ้องแค่คดีเดียวเท่านั้นในคดี 112 กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เรื่องวัคซีนพระราชทานฯ เพราะเป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้

“การเป็นพรรคการเมืองต้องใจกว้าง ผมเรียกร้องให้พรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้าใจกว้าง เราเป็นตัวแทนประชาชน ประชาชนจะแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่พวกคุณกระทำ ก็รับฟังไปเถอะ อะไรถูกก็ถูก ผิดก็ผิด อย่าให้มาเสียเวลาขึ้นศาล แต่กลับว่าพวกเขาฟ้องพวกเราเยอะมาก ซึ่งเราเฉยๆ เสียเวลา เอาเวลาไปต่อสู้ทางความคิดดีกว่า” นพ.วรงค์กล่าว

เมื่อถามว่า นายธนาธร ก็ฟ้องในลักษณะเดียวกัน มีความมั่นใจว่าจะยกฟ้องหรือไม่ นพ.วรงค์ ระบุว่า ตนปรึกษาทนายแล้ว ทนายก็มั่นใจ เนื่องจากเป็นการไลฟ์ครั้งเดียวกัน และเนื้อหาก็เป็นสิ่งเดียวกันทั้งหมด พร้อมขอให้ประชาชนร่วมสังเกตว่าเขาแยกฟ้อง ทั้งพรรค และนายธนาธร และเรียกค่าเสียหายจำนวนเท่ากัน ก็ขอให้ประชาชนพิเคราะห์ว่าใครใจกว้างกว่ากัน ซึ่งเราไม่มีความคิดที่ฟ้องเสียเวลา สู้กันทางความคิดดีกว่า ส่วนคดีแพ่ง เนื่องจากเป็นคดีอาญาพ่วงกับคดีแพ่ง เมื่อศาลยกฟ้องแล้ว ศาลก็พิเคราะห์แล้วว่าไม่ต้องชดใช้ ยกฟ้องทั้งหมด

สำหรับหลังจากนี้จะมีการเคลื่อนไหวต่อหรือไม่ นพ.วรงค์ ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลพวงจากเหตุการณ์ชุมนุม เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ปี2563 ที่มีการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ หลังจากนั้นตนก็ได้ไลฟ์สู้กับพวกเขา โดยวันนี้ที่พรรคก้าวไกลเคลื่อนไหวแรงขึ้นในมาตรา 112 หรือขนาดเสนอเปลี่ยนวันชาติเป็น 24 มิ.ย. ที่มองว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ซึ่งเราจะต้องต่อสู้กับเขา ตนคิดว่าเรามาถูกทาง เพียงแต่ไม่มีกำลังมากพอที่จะดึงสื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน แต่เมื่อศาลพิเคราะห์ยืนยันว่า เราทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญด้วยความสุจริตอยู่แล้ว เราก็เชื่อมั่นในการเดินทิศทางนี้

Related Posts

Send this to a friend