‘พริษฐ์’ หวังกติกาเลือก สว. บังคับใช้ครั้งเดียวพอ ชี้ กกต. ยังประชาสัมพันธ์ไม่ดีพอ
‘พริษฐ์’ หวังกติกาเลือก สว. บังคับใช้ครั้งเดียวพอ ชี้ กกต. ยังประชาสัมพันธ์ไม่ดีพอ เผย ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลนี้ ตั้งคนเชื่อมโยงยุค ‘ประยุทธ์’ ถาม เจตนาตั้ง ‘วิษณุ’ เพื่ออะไร ย้ำจุดยืนก้าวไกล ไม่เห็นด้วย สว.ยื่นศาล รธน.ตีความจริยธรรม ‘เศรษฐา’
วันนี้ (28 พ.ค. 67) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีผู้สมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 10 คน ใน 7 อำเภอ ถูกปัดตกรอบ เพราะผู้สมัครน้อยจนไม่สามารถเลือกไขว้สายได้ว่า เป็นเรื่องใหญ่ เพราะทำให้ประชาชนถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก ต้องสูญเงินค่าสมัคร และอาจไม่ได้รับคืน ทั้งที่ความจริงไม่ได้ทำอะไรผิด พอไปดูต้นตอของปัญหา ต้องมองเป็น 2 ปัญหา
ปัญหาแรก คือตัวกฎหมาย เพราะการล็อกว่าอย่างน้อยต้องมีผู้สมัครขั้นต่ำ 3 กลุ่มอาชีพ ถึงสามารถดำเนินการเลือกไขว้ได้ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา นอกจากนี้ กติกาการคัดเลือก สว.สร้างความสับสนพอสมควรทำให้เราจะไม่ได้มี สว.ที่มาจากโครงสร้างอำนาจที่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยสากล
ปัญหาที่สอง คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สะท้อนให้เห็นว่า กกต.ยังทำหน้าที่ไม่ดีพอในการประชาสัมพันธ์ให้มีคนมาเข้าสู่กระบวนการรับสมัคร
เมื่อถามว่าจะเป็นการลิดรอนสิทธิ์ของผู้สมัครหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า แน่นอน เพราะทำให้ประชาชนที่สมัครเข้ามาสูญเสียทั้งสิทธิในการเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก และสูญเสียเงินค่าสมัครทั้งที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ยังไม่นับเวลาในการเตรียมใบสมัครอีกด้วย ส่วนคนที่ถูกตัดสิทธิ์ไปฟ้องร้องได้หรือไม่ นายพริษฐ์ ระบุว่า ในเชิงกฎหมายต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่ในเชิงการเมืองหรือสามัญสำนึก ก็เห็นใจคนที่โดนตัดสิทธิ์
นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า เป็นประเด็นที่คาดการณ์ยากมากว่า สว.ชุดใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่จะมีคุณสมบัติร่วมกัน หรือทักษะ จุดเด่นเรื่องไหนบ้าง เพราะการคัดเลือกเป็นกระบวนการที่เพิ่งนำมาใช้เต็มรูปแบบครั้งแรก ไม่เคยใช้ที่ประเทศอื่น เนื่องจากมีความซับซ้อน ทำให้คาดการณ์ได้ยาก ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยการทำให้กระบวนการทั้งหมดราบรื่น ทันเวลา โปร่งใส และเป็นธรรมที่สุด โดย กมธ.พัฒนาการเมืองฯ จะเข้าร่วมสังเกตการณ์ โดยได้ทำหนังสือถึง กกต.เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง กกต.ก็ต้องการเปิดกว้างให้ภาคประชาชนเข้าร่วมสังเกตการณ์
หากการเลือก สว.ครั้งนี้ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ก่อนเลือกครั้งหน้าต้องร่างกฎหมายใหม่หรือไม่ นายพริษฐ์ ตอบว่า ส่วนตัวหวังว่าจะไม่มีกระบวนการแบบนี้เกิดขึ้นอีก อยากให้การเลือกแบบนี้เป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย ส่วนการแก้กฎหมายในอนาคตจำเป็นต้องหยิบยกขึ้นมาถกเถียง อาจมี 2 โจทย์หลัก คือ ประเทศเราจำเป็นต้องมีวุฒิสภาหรือไม่ และหากจำเป็นจะทำอย่างไรให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยสากลคือการมาจากการเลือกตั้งของประชาชน
นายพริษฐ์ กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ เป็นที่ปรึกษาเลขาธิการสำนักงานคณะรัฐมนตรี (สลค.) ว่า ยังไม่ได้ดูรายละเอียด ต้องไปถามนายเศรษฐาว่าเจตนาเป็นไปเเพื่ออะไร เพื่อมาช่วยเรื่องคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ หรือตั้งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในระยะยาวในการดำเนินงานของรัฐบาล แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามคิดว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นรัฐบาลชุดนี้ดึงบุคลากรจากรัฐบาลที่แล้วเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานรัฐบาลชุดนี้
นายพริษฐ์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ เราตั้งคำถามถึงความเหมาะสมที่นายกฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นรัฐมนตรี แต่อีกมุมหนึ่งก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ สว.ยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ มองว่าช่องทางนี้อาจเปิดช่องให้สามารถเอาอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมาตีความประเด็นเรื่องจริยธรรมไปในทางที่มิชอบได้
สำหรับกรณีที่นายกฯ ถามคณะกรรมการกฤษฎีกาแค่บางอนุมาตรา นายพริษฐ์ กล่าวว่า อนุมาตราที่นายกฯ ถามคณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่ใช่เป็นอนุมาตราที่ สว.ยื่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย โดยอนุมาตราที่ สว.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับ 2 ประเด็น คือ มาตรฐานจริยธรรม และการที่ระบุว่ารัฐมนตรีต้องมีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลกังวลกับวิธีการนี้เพราะเปิดช่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ว่าจริยธรรมแปลว่าอะไร คำว่าสุจริตเป็นที่ประจักษ์แปลว่าอะไร และหลายฝ่ายมองว่าไม่ได้มีความยึดโยงกับประชาชนเพียงพอ อาจจะไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะได้ผู้ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางกับทุกฝ่ายได้จริง และอาจเปิดช่องให้องค์กรอิสระสามารถนิยามได้ว่าจริยธรรม ความสุจริตหมายถึงอะไร นำเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกันและกันได้
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้จะเห็นด้วยถึงความไม่เหมาะสมในการตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี แต่มองว่าสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นคือนายเศรษฐาเลือกที่จะไม่ตั้งนายพิชิตตั้งแต่ต้น หรือหากจะมีการเรียกร้อง ควรจะเป็นการรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ใช่ใช้กลไลของศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องจริยธรรม












