แอมเนสตี้-ญาติผู้สูญหาย ร้อง ส.ส.ฝ่ายค้าน ต้านเลื่อนใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ

วันนี้ (28 ก.พ. 66) ที่จุดรับยื่นหนังสือรัฐสภา แอมเนสตี้ ประเทศไทย ตัวแทนนักกิจกรรม องค์กรภาคประชาชน และญาติผู้เสียหายจากการทรมานและอุ้มหาย ยื่นข้อเรียกร้องต่อหัวหน้าพรรคการเมืองให้ยุติการเลื่อนหรือขยายระยะเวลาการบังคับใช้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหายในบางมาตรา
นางสาวปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ (ผอ.) แอมเนสตี้ฯ ตัวแทนในการยื่นหนังสือ กล่าวว่า พ.ร.บ. ดังกล่าวต้องเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ทั้งฉบับ เพื่อยืนยันว่ารัฐบาลไทยตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องคุ้มครองบุคคลให้รอดพ้นและปลอดภัยจากการละเมิดที่ร้ายแรง รวมทั้งคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายและครอบครัว ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมมาเป็นเวลานาน
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จึงขอเรียกร้องพรรคการเมือง ในฐานะองค์กรที่ทำหน้าที่ ตรวจสอบและออกกฎหมาย ทั้งยังเป็นเสียงของประชาชน เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมถึงสื่อสารกับองค์กรหน่วยงานอื่น ๆ และสาธารณะเพื่อให้เป็นไปตามพันธกิจดังกล่าว ให้มีการดำเนินการดังนี้
1.ประกาศการใช้พระราชบัญญัติทั้งฉบับโดยไม่มีการยกเว้นบางมาตรา เพื่อทำตามพันธกรณีที่ประเทศไทยมีต่อ อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน (CAT) อีกทั้ง ให้สัตยาบันแก่อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วย การคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (ICPPED) และพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรีอื่น ๆ (OP-CAT)
2.ต้องประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำระเบียบหรือข้อกฎหมายย่อยในระดับกระทรวงเพื่อให้การ ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติเป็นไปตามกฎหมาย ติดตามการปฏิบัติของหน่วยงานต่าง ๆ อีกทั้ง ดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นในการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างถูกต้องสมบูรณ์และโดยเร็วที่สุด
3.การบังคับใช้จะต้องมีการประกาศ สื่อสาร และทำความเข้าใจกับสังคมในการเข้าถึงของกลไก มาตรการ และสิทธิที่ประชาชนมีภายใต้กฎหมาย ทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการคุ้มครองและเติมเต็มสิทธิของประชาชน
โดยมีตัวแทนจากพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เข้ารับยื่นหนังสือ ได้แก่ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และพรรคเสรีรวมไทย
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า พร้อมอภิปรายเรื่องนี้ในสภาฯ และมองว่าข้อเสนอของแอมเนสตี้สอดคล้องกับพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนการออกกฏหมายฉบับนี้มาโดยตลอด และมีความคาดหวังอย่างสูงว่าจะทำให้ประเทศไทยเข้าถึงอารยประเทศ ตลอดจนหวังว่าจะไม่มีการซ้อมทรมานอุ้มหายเกิดขึ้นอีกในประเทศไทย และให้ความเป็นธรรมกับกรณีที่มีการซ้อมทรมานหรือการอุ้มหายที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่การที่รัฐบาลออก พ.ร.ก. เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว และอ้างว่ามีเงื่อนเวลาไม่นาน เป็นเจตนาของการเตะถ่วงไม่เคารพต่อรัฐธรรมนูญ
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ข้ออ้างเรื่องความไม่พร้อมด้านอุปกรณ์ มีข้อมูลปรากฏในแผนพัฒนาปฏิรูปประเทศไทยระบุว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมเรื่องอุปกรณ์ ในวันนี้องค์ประชุมครบ จึงขอให้การอภิปรายครั้งนี้เดินหน้าถึงที่สุด เชื่อว่ามี ส.ส.อีกไม่น้อยลงมติคว่ำ พ.ร.ก. แต่ข้อกังวลอีกข้อหนึ่งที่สำคัญคือมีความพยามเข้าชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า พ.ร.ก. ฉบับนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งถ้ามีการเข้าชื่อ การอภิปรายจะต้องหยุดทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการไม่เคารพอำนาจที่ประชาชนได้มอบให้กับ ส.ส. อำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน
ขณะที่ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม. โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า มติของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่เห็นชอบต่อกฎหมายฉบับนี้ และจะอภิปรายประเด็นนี้ เพื่อจะคว่ำ พ.ร.ก. ฉบับนี้
“ยืนยันว่าข้อเรียกร้องทุกองค์กรที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน เราได้ยินเสียง เรารับไว้และจะดำเนินการอย่างเต็มกำลังความสามารถและจะเรียกร้องให้ภาครัฐได้ยินเสียงของพวกเรา” นางสาวธีรรัตน์กล่าว