POLITICS

นายกฯ มอง มีขอบเขตปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์ได้

‘นายกฯ’ มอง มีขอบเขตปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์ได้ เชื่อ รมว.แรงงานอึดอัด หลังขึ้นค่าแรงไม่เป็นไปตามแผน ระบุ อยากให้เห็นใจซึ่งกันและกัน มองเห็นความเดือดร้อนของประชาชน

วันนี้ (27 ธ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2566 ว่า เชื่อว่ารัฐบาลทุกท่านก็เห็นอยู่ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ความหมายที่ส่งไปชัดเจนว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากในช่วงที่ผ่านมา ในการดึงคนที่มีความรู้ความสามารถ คนเก่ง เข้ามาในประเทศเกิดขึ้น คือ war of talent สมัยก่อนเวลาดึงดูดนักลงทุนไม่มีใครพูดเรื่องพลังงานสะอาด แต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากอีกเรื่อง

ส่วนยุทธศาสตร์เป็นเรื่องที่ถูกล็อกไว้โดยรัฐธรรมนูญ จะมีการแก้ไขอย่างไร นายเศรษฐา ระบุว่า มันก็กว้าง มีขอบเขตพื้นที่ให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้

ส่วนเรื่องการขึ้นค่าแรง ที่เหมือนว่ายังไม่ตรงตามความต้องการนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยัง อย่างที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้รายงานไปว่าต้องตั้งคณะกรรมการ ดูเป็นอำเภอ หรือเป็นอาชีพไป แน่นอนว่าตนเองไม่มีความสุข เชื่อว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานก็ไม่มีความสุข อึดอัด เพราะก็มีกลไกการขึ้นค่าแรงอยู่ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของจิตใต้สำนึก และความเหมาะสม อย่างเมื่อวานนี้ตนเองได้พูดคุยกับนายกฯ มาเลเซีย ถ้าไม่สามารถยกค่าแรงขั้นต่ำขึ้นมาได้ ความเจริญของประเทศก็จะต่ำลง เมื่อ 9 ปีที่แล้ว มีค่าแรง 300 บาท ตอนนี้ขึ้นเป็น 337 บาท ขึ้นมาแค่ 12% ท่านจะแฮปปี้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องใจเขาใจเรา ไตรภาคี กฎหมาย ข้อบังคับ คนละเรื่องกัน แต่เราอยู่ด้วยกัน เพราะอยากให้ทุกคนมีความสุข อยากให้ทุกคนมีกินมีใช้ตามความเหมาะสม

“จะพูดว่านายกไม่มีอำนาจ ผมเข้าใจหมดทุกอย่าง แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่ใช่แค่เอากฎหมายมาจับ เอาความเข้าใจ ความเห็นใจซึ่งกันและกันมาพูดบ้างได้ไหม ในภาวะที่เดือดร้อน ก็ขอฝากไว้ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีอำนาจในเรื่องการขึ้นค่าแรงนั้น จะมีการพูดคุยเพื่อหาจุดตรงกลางหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ก็ต้องพยายามต่อไป ก็เป็นหน้าที่ เรามาอยู่ในตำแหน่งแล้วก็ต้องแก้ไขปัญหาต่อไป พูดคุยให้ชัดเจน ขอร้อง อ้อนวอน วิงวอน เอาเหตุผลมาพูดกัน อย่าเอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูดอย่างการย้ายฐานผลิต มันไม่ใช่

ส่วนจะมีการปรับขึ้นในแต่ละปีได้เลยหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ก็ต้องดูตามความเหมาะสม บางอำเภอต้องการแรงงานต่างกัน เราต้องฟังฝั่งนายจ้างด้วย ดูตามอาชีพ ความต้องการ ความชำนาญ มีหลายมิติพูดคุยกัน ไม่อยากให้ใช้พื้นที่พี่น้องสื่อมากดดันทุก ๆ ฝ่าย ควรพูดจากันด้วยจิตใจที่โอภาปราศรัย เห็นใจซึ่งกันและกันในฐานะเพื่อนมนุษย์มากกว่า

สำหรับความคาดหวังเรื่องเศรษฐกิจในปีหน้านั้น นายเศรษฐา ระบุว่า หวังว่าจะดีขึ้น เรามาเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และพยายามทำในหลายมิติ ดูเรื่องการลงทุน สนธิสัญญา การค้า เพศสภาพ การประกอบอาชีพ หรือแม้แต่เรื่องเล็กน้อย อย่างสิทธิเสรีภาพที่ควรได้อากาศสะอาด ก็ทำกัน ซึ่งหลังปีใหม่ ตนเองจะไปภาคเหนือ ไปกำชับให้ดูเรื่องอากาศให้ดีขึ้น ในปีใหม่ถือเป็นนิมิตหมายใหม่ ต้องช่วยกันทำงาน ช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชน

Related Posts

Send this to a friend