POLITICS

‘วันนอร์’ ย้ำมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองยังจำเป็น

แต่ต้องไม่ควรสูงจนผู้นำระแวงถูกร้อง ทำงานยาก บอกทำอะไรไม่ได้ สส.ลาประชุม เหตุกฎหมายเปิดช่อง เผย คณะกรรมการจริยธรรมเตรียมเดินหน้าสอบ

นายวันมูหะมัดนอร์ นมะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงความจำเป็นที่ต้องมีมาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมืองว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความสมดุลของกฎหมาย แต่กฎหมายเรื่องจริยธรรมในสังคม อาจจะแตกต่างกัน โดยมาตรฐานจริยธรรมของผู้นำศาสนาก็จะต้องสูงในระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับผู้พิพากษา ที่เป็นองค์กรที่ต้องตัดสินคดีต่าง ๆ ที่ต้องสร้างความน่าเชื่อถือ รวมถึงมาตรฐานทางจริยธรรมของทูตซึ่งเป็นตัวแทนของประเทศก็ต้องเป็นอีกแบบหนึ่ง และในส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ก็ควรจะต้องมีมาตรฐานเพื่อประโยชน์ของประชาชน และประชาชน ยอมรับได้ หากไม่มีก็ไม่ได้เพราะจะวุ่นวาย หรือมีแล้วอ่อนเกินไปเท่ากับไม่มีก็ไม่ดี หรือหากมีแต่เข้มเกินไปทำให้ทำหน้าที่ไม่ได้ ไม่มีความมั่นคงในการตัดสินใจทำให้ไม่กล้าทำอะไรเลย ก็จะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ จึงคิดว่าทุกอย่างอยู่ที่ความสมดุลว่ามีแล้วได้ประโยชน์กับประชาชนหรือไม่ และถ้าไม่มีแล้วประชาชนเสียประโยชน์ก็ควรต้องมี

ประธานสภาฯ กล่าวต่อว่า มาตรฐานทางจริยธรรมของแต่ละองค์กรไม่จำเป็นต้องเหมือนกันในปัจจุบันและที่เป็นปัญหาถกเถียงอยู่ในปัจจุบันเพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 129 กำหนดว่าให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้เขียนมาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับศาลรัฐธรรมนูญองค์กรอิสระและให้ บังคับถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) และสมาชิกรัฐสภาด้วย กลายเป็นประเด็นว่าเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกอาชีพ ถ้าถามว่าดีหรือไม่แต่บางอย่างปฏิบัติแล้วทำให้เกิดความไม่มั่นคง ทำให้ผู้นำรัฐบาลไม่สามารถตัดสินอะไรๆ ได้เพราะกว่าจะถูกถอดถอน และกังวลว่าจะถูกมาตรฐานทางจริยธรรมทำให้บริหารงานไม่มีความมั่นคง ทำให้คนไม่ไว้วางใจในรัฐบาลเพราะไม่มั่นใจว่าจะอยู่นานเท่าไหร่ ดังนั้นควรต้องมีความมั่นคงให้พอสมควรแต่มาตรฐานทางจริยธรรมเช่นการไม่โกง ไม่ทุจริต ไม่เอาประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ดังนั้นควรระบุให้ชัดว่ามาตรฐานของแต่ละอาชีพนั้นควรอยู่ตรงไหน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานะของผู้นั้นของผู้นั้น

ส่วนพฤติกรรมในอดีตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองควรนำมาเป็นหลักเกณฑ์ในเรื่องของจริยธรรมหรือไม่นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ที่เกิดปัญหาเพราะเดิมเราไม่มีการกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมที่ชัดเจน แต่ไปตัดสินที่ศาลเลย ซึ่งหากยึดคำพิพากษาของศาล ถือเป็นจริยธรรมของบุคคลทั่วไป แต่สมาชิกรัฐสภาควรมีจริยธรรมระดับหนึ่งไม่เท่ากับคนทั่วไป แต่การที่กำหนดมาตรฐานทางธรรมสูงเท่าผู้พิพากษาตนเองก็คิดว่าเกินไปหน่อย ซึ่งความจริงมาตรฐานสูงเป็นเรื่องดีแต่ปฏิบัติลำบาก

ทั้งนี้ ถ้าเกินขนาดนั้นดีหรือไม่ต้องบอกว่าดีแต่มันปฏิบัติลำบาก นายกรัฐมนตรีมาเป็นนายกเป็นรัฐมนตรีแล้วไม่กล้าตัดสินใจอะไรสักอย่างประชาชนก็เสียประโยชน์แน่นอน อย่างจริยธรรมของแพทย์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่มีของแต่ละองค์กร

ส่วนที่มีการยื่นคำร้องว่ามี สส.ลาประชุม 84 ครั้ง จากที่มีการประชุม 95 ครั้ง ถือว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ ประธานสภาฯ กล่าวว่า พูดยากเพราะเป็นเรื่องข้อบังคับและกฎหมายที่ สส.สามารถทำได้ แต่ก็ตรวจสอบความเหมาะสมได้ และถือเป็นความรับผิดชอบ ซึ่งความจริงกรณีเช่นนี้มีน้อยมากเพราะพรรคการเมืองก็ได้เข้มงวดสมาชิกในการลงมติต่าง ๆ โดยตลอด แต่กรณีนี้ถ้ามีการเสนอให้ตรวจสอบก็ต้องนำเรื่องเข้าคณะกรรมการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีอนุกรรมการแต่ละฝ่ายพิจารณาอีกที

อย่างไรก็ตามยอมรับว่ายังมีการประชุมกรรมการจริยธรรมเนื่องจากขาดองค์ประกอบ เพราะคณะกรรมการจริยธรรมประกอบด้วย ประธานสภาฯ ตัวแทนสส.ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน และต้องมีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีปัญหาว่าขาดผู้นำฝ่ายค้าน แต่ตอนนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ผู้นำฝ่ายค้านแล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องสัดส่วนตัวแทนที่สลับเปลี่ยนกันใหม่ ซึ่งต้องมาดูสัดส่วนที่เป็นจริง และต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ซึ่งจะต้องเป็นไปตามพรรค เพราะบางพรรคแบ่งซีกนั่งฝ่ายค้านครึ่งหนึ่งฝ่ายรัฐบาลครึ่งหนึ่งก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด พรรคพลังประชารัฐ ถือว่า เป็นฝ่ายค้าน คาดว่า น่าจะเรียบร้อยได้ในเร็วๆ นี้ เพราะมีเรื่องยื่นเข้ามารออยู่ประมาณ 6-7 เรื่อง โดยจะให้ฝ่ายเลขาประธานสภาฯ ไปดำเนินการให้ครบ เพื่อเรียกประชุม

สำหรับคนที่เซ็นอนุญาตให้ลาได้คือประธานสภาฯ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น นายวันมูหะหมัดนอร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มอบให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นเป็นผู้ดูแลเรื่องการลาของสมาชิก ทั้งนี้ ยอมรับว่าตามข้อกฎหมายเป็นเรื่องยาก เพราะกำหนดให้สมาชิกลาได้ ถ้าจำเป็น ซึ่งสมาชิกก็บอกว่าจำเป็น ติดภารกิจ หรือไม่สบายก็ต้องมีเหตุผลมา แต่ความเหมาะสมอยู่ตรงไหน ตนเองคิดว่าประชาชนซึ่งเป็นผู้เลือกสมาชิกคงจะวัดได้

ส่วนในอดีตมีการลามากขนาดนี้หรือไม่นั้นประธานสภาฯ กล่าวว่า ก็มีคนลา ส่วนใหญ่ที่ลาบางคนเป็นสส.และเป็นรัฐมนตรีด้วย หรือสมัยก่อนนายกรัฐมนตรีเป็น สส.ก็ติดภารกิจเยอะก็เยอะเช่นกันแต่ไม่แน่ใจว่าแต่ไม่แน่ใจว่าจำนวนมากขนาดนี้หรือไม่เพราะไม่ได้ตรวจสอบย้อนหลัง แต่บางคนไม่ได้เป็นทั้งสองอย่างก็ขาดประชุมก็มี แต่ตนเองก็เห็นว่าถือเป็นเรื่องดีที่มีคนสนใจการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชน และต่อไปก็จะเป็นประเด็นหนึ่งที่เวลาไปเลือกตั้งประชาชนก็จะได้เห็น จึงถือเป็นเรื่องดีที่ทั้งสื่อและประชาชนจะตรวจสอบเพื่อให้การทำหน้าที่เป็นไปอย่างโปร่งใสและชัดเจน

ส่วนการตรวจสอบเรื่องลักษณะนี้จะต้องเรียกเจ้าตัวมาชี้แจงหรือไม่นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า การสอบถามเป็นเรื่องของอนุกรรมการ ที่จะสอบถาม ขอข้อมูลเพิ่มเติม และเราไม่มีกฎหมายที่จะไปบังคับเหมือนศาลว่าต้องมาให้ถ้อยคำ แต่ถ้าเจ้าตัวไม่มาให้ถ้อยคำถือเอาตามเหตุการณ์แวดล้อมก็ต้องถือเอาตามเหตุการณ์แวดล้อม และคำร้องซึ่งคนที่ถูกร้องก็จะเสียเปรียบเอง

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat