พิธา หารือ สมาคมประมงฯ พร้อมรับข้อเสนอไปพิจารณา
ย้ำ รัฐต้องทำงานร่วมกับเอกชน พร้อมใช้มติ ครม.ดึงเอากฎหมายประมง 6-7 ฉบับผลักดันต่อในสภา สมาคมประมง พอใจการหารือ อยากเห็นรัฐบาลของประชาชน เตรียมนำสมาชิกให้กำลังใจวันโหวตนายกฯ ที่รัฐสภา
วันนี้ (27 มิ.ย. 66) เวลา 15.05 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เข้าหารือร่วมกับสมาคมประมงแห่งประเทศไทย นำโดย นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมประมงแห่งประเทศไทย และเครือข่าย เพื่อนำเสนอปัญหาประมงของไทยในปัจจุบัน และเสนอแนวทางในการฟื้นฟู แก้ไขปัญหาการประมงทะเลของไทยเพื่อความยั่งยืน
นายพิธา ใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนร่วมกันแถลงข่าว ระบุว่า วันนี้เป็นการหารือแนวทางในการทำงานร่วมกัน ในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมงที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมาย IUU ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา และมีการพูดคุยถึงสิ่งที่ทำมาแล้ว รัฐบาลชุดที่แล้วในการตั้งกรรมาธิการร่วมกัน รวมถึงตอนนี้เริ่มวางแผนการทำงานอย่างครบวงจร ถ้ามีการกระจายอำนาจ กำหนดไมล์ทะเลชายฝั่ง ทำกฎหมายให้ได้สัดส่วน การอำนวยความสะดวกในการขออนุญาตไม่ให้มีความซับซ้อน และการหาดุลระหว่างประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ การหาดุลระหว่างการใช้ทรัพยากรและหาทรัพยากรไปด้วยกัน และปัญหาในระดับนานาชาติในการหาน่านน้ำใหม่ๆ ทั่วโลก เพื่อให้ผู้ประกอบการใหม่ๆ ใช้ความรู้ความสามารถทั่วโลกได้ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันถึงระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับสากล
นายพิธา ยืนยันว่า หลังจากนี้จะมีการพูดคุยกับประมงกลุ่มอื่นด้วยด้วยแน่นอน แม้ว่าวันนี้จะมีตัวแทนของกลุ่ม 22 จังหวัด ตัวแทนของประมงพื้นบ้าน ตัวแทนอู่ต่อเรือ ตัวแทนห้องเย็น และตัวแทนแรงงาน จึงมองว่าคงไม่ใช่แค่ 22 จังหวัด หรือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นการหารือแบบครบถ้วนเรื่องห่วงโซ่ ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นต้องแก้ไขอย่างไร และติดกระดุมเม็ดแรกที่ไหน
ส่วนกรณีเรื่องการควบคุมการจับสัตว์น้ำวัยอ่อน ก็จะต้องมาพูดคุยกัน ในการหาสมดุลในการใช้ทรัพยากรและการรักษาทรัพยากรเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากนี้ นายพิธา ยืนยันว่า กฎหมายประมง 6-7 ฉบับที่ค้างอยู่ในสภา จะผลักดันต่อเลยทันที โดยต้องดูกระบวนการทางกฎหมายเพื่อไม่ให้ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ เพราะมีการโหวตครั้งแรกไปแล้ว โดยหลังจากนี้จะใช้มติ ครม.ในการดึงกฎหมายนี้ขึ้นมา
ส่วนกรณีกลุ่มคัดค้านรายละเอียดร่างของกฎหมายจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้งนั้น มองว่า ยิ่งต้องนำเรื่องเข้าสภา เพราะสภาเป็นพื้นที่ในการแก้ไขความขัดแย้ง คนที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยมีโอกาสพูดเท่ากันหมด และต้องใช้สภาในการพูดคุยเพราะไม่มีใครผูกขาดวิธีการและความคิดได้
คน
นายพิธา ยังกล่าวอีกว่า เท่าที่คุยกัน มีการวางแผนว่าในระยะเวลา 3 เดือน 1 ปี และ 2 ปีแรก มีอะไรที่จะต้องทำบ้าง อะไรที่สามารถทำได้เลย ซึ่งตนจะกลับไปทบทวนว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ แล้วกลับมาหารือกันอีกครั้ง โดยจะต้องทำร่วมกับเอกชน เพราะรัฐบาลจะคิดเองเออเองไม่ได้ และเอกชนก็ต้องนึกถึงมิติการทำงานของคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียของอุตสาหกรรมนี้ทั้งหมด
ส่วนกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากร ก็ได้ติดต่อมาที่พรรคในหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องเขตไมล์ทะเล ที่ตอนนี้ประมงพื้นบ้านทำไม่ได้ บางพื้นที่เหมาะจะเป็น 12 ไมล์ ส่วนประมงพื้นที่สามร้อยยอด และนครศรีธรรมราช ก็สะท้อนปัญหาบอกว่าภัยพิบัติรุนแรงขึ้นที่ได้รับผลกระทบ ทำให้เรือล่ม ยากที่จะดำรงงชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นการเสนอทำประกันเรือก็จะช่วยทำให้ประมงไปต่อกันได้ และเชื่อว่าจะสามารถพูดคุยกันได้ในชั้นสภา
ด้านนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การหารือในวันนี้ มีความพอใจมาก เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะรับฟังเสียงจากประชาชนอย่างจริงจัง ไม่ได้ปัดว่าอะไรไม่เห็นด้วย เพราะทุกอย่างไปแก้ปัญหาในสภาได้ หากมีการกระจายอำนาจออกไป ปัญหาทุกอย่างจะจบ แต่ตอนนี้ไปรวบอำนาจที่ส่วนกลางทำให้เกิดการกระทบกระทั่งทั้งระบบ จึงอยากฝากสื่อมวลชนว่า วันนี้เรามีปัญหา ความมั่นคงทางด้านอาหารทะเลของประเทศชาติแล้ว เพราะนำเข้าสินค้า มาบริโภค 6 แสนตันต่อปี ถ้าท่านไม่รีบแก้ ประมงไทยจะล่มสลายในเร็วๆนี้ จึงขอฝากรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลให้สามัคคีกันจับมือกันให้แน่น
ทั้งนี้กลุ่มพี่น้องประมงก็หวังว่า การที่ออกไปเลือกตั้งเขาอยากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และวัน 13ก.ค. ตนได้ชักชวนเครือข่ายประมง ไปรวมตัวที่รัฐสภา เพื่อไปให้กำลังใจขอให้นายพิธาได้เป็นนายกฯ จริงๆ













