POLITICS

‘ส.ว.เสรี’ ชี้ เลือกนายกฯ ที่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่แก้ ม.112

‘ส.ว.เสรี’ ชี้ เลือกนายกฯ ที่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่แก้ ม.112 เผย เสียง ส.ว. โหวต ‘พิธา’ มีไม่ถึง 5 เสียง มอง ปปช. เลือกมาแค่ 14 ล้านเสียง ยังเป็นเสียงส่วนน้อย ยัน ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันในการพิจารณาคุณสมบัตินายกฯ

วันนี้ (27 มิ.ย. 66) นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าสมาชิกวุฒิสภา จะใช้มาตรฐานเดิมเหมือนปี 62 ในการโหวตเลือกนายกฯ และไม่ขัดต่อมติของสภาล่างในการรวมเสียงข้างมาก นายเสรี ระบุว่า ไม่ใช่ แต่ละเรื่องไม่ใช่รูปแบบเดียวกัน สิ่งที่ต้องพิจารณาคือเรื่องที่มีข้อเท็จจริงใดปรากฏ ถ้ามีคุณสมบัติก็พิจารณาไป หากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก็พิจารณาไป อย่างเช่นเรื่องที่ตนเองยืนยันมาตลอดว่า หากมีพฤติกรรมในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ไม่เหมือนการโหวตเลือกนายกฯ เมื่อปี 62 เพราะตอนนั้นไม่มีใครพูดถึงการแก้ไขมาตรา 112 มาตราฐานที่บอกจึงมาใช้โหวตเลือกในครั้งนี้ไม่ได้ ใช้ดุลยพินิจในช่วงเวลา และบุคคลต่างกัน ความสำคัญต่างกัน ช่วงนั้นไม่มีปัญหาในเรื่องพวกนี้ ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 1 และหมวด 2 การแสดงออกหรือเสนอนโยบายต่าง ๆ และไม่มีเหตุการณ์ที่ไปยุยงส่งเสริมเด็กให้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่สมาชิกวุฒิสภา สามารถนำมาตัดสินใจได้ และไม่สามารถนำมาตรฐานครั้งก่อนมาใช้ร่วมกันได้

ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่าคะแนนเสียงที่โหวตสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกฯ จะมากพอหรือไม่ นายเสรี ระบุว่า ถ้ามากพอก็เป็นไปเลย แต่ตามที่ปรากฏยังไม่มีใครแสดงออกมาชัดเจน นอกจาก 17 คนที่มีชื่อปรากฏออกมา ซึ่งในจำนวนนั้น หลายคนก็ออกมาปฏิเสธด้วย และก็ไม่ได้คิดเห็นอย่างนั้น ถ้ารวมเสียงข้างมากแล้วยังไปแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็จะไม่โหวตให้ จะดูว่าชนะเลือกตั้งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องไปดูความเหมาะสมด้วย

“ผมมองว่าเป็นปัญหาอยู่ และเป็นเงื่อนไขในการโหวตเลือกนายกฯ อยู่แล้ว การได้มา 14 ล้านเสียง ไม่ใช่คะแนนเสียงส่วนใหญ่ของคนทั้งประเทศ แต่มีข้อเรียกร้องว่าเมื่อได้มาเป็นอันดับหนึ่ง ทำไมถึงไม่ทำตามเสียงของประชาชน ก็ต้องทำความเข้าใจว่าประชาชนมีสิทธิลงคะแนนจาก 50 ล้านคน มาเลือกตั้ง 40 ล้านคน และลงคะแนนให้พรรคก้าวไกล 14 ล้านคน แสดงว่า 14 ล้านคนนั้นคะแนนเสียงส่วนน้อย และไม่ถึงครึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ เราไม่ได้ขัดแย้งกับ 14 ล้านเสียง แต่เราทำตามเสียงส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ”

นายเสรี ระบุต่อว่า ถ้าให้ประเมินเสียงของ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายพิธาเป็นนายกฯ นั้น มองว่ามีเสียงไม่พอ หากดูจากการแสดงออกที่ชัดเจนมีไม่เกิน 5 เสียง ส่วนคนอื่นที่ไม่ได้พูด ก็บอกมาเลยว่าสนับสนุนหรือไม่ การชัดเจนไปเลยเป็นประโยชน์กว่านำมาพูดว่ามีเสียงสนับสนุน

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงการตัดสินใจโหวตนายกฯ ของ ส.ว. นั้น เป็นการตัดสินใจเองหรือมีใบสั่ง นายเสรี ระบุว่า มีใบสั่งจากประชาชน เพราะประชาชนเลือกมาแค่ 14 ล้านเสียง ไม่ใช่เลือกมาทั้งหมด

ส่วนภาพรวมของพรรคอื่น ๆ ว่ามีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เหมาะสมจะมาเป็นนายกฯ หรือไม่นั้น นายเสรี ระบุว่า ขึ้นอยู่กับว่ามีปัญหาในการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ สร้างปัญหาให้กับประเทศมากน้อยเพียงใด ผลงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลในการตัดสินได้ทั้งนั้น โดยเป็นการตัดสินจากคุณสมบัติ เป็นกระบวนการตรวจสอบหลังจากเลือกตั้งกันตามรัฐธรรมนูญ เป็นคนละเรื่องกันกับสิ่งที่ประชาชนเลือกมา ต้องทำความเข้าใจด้วย

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากนายพิธา ไม่สามารถเป็นนายกฯ นั้น รายชื่อในการเสนอแคนดิเดตนายกฯ จะเป็นของพรรคอื่น จะทำให้ ส.ว. เลือกโหวตง่ายขึ้นหรือไม่ นายเสรี ระบุว่า ต้องดูว่าเป็นใคร และเลือกบุคคลที่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ตอนนี้มีชื่อเดียวคือนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส่วนพรรคเพื่อไทยต้องดูว่าเสนอใคร ยังรับรองใครไม่ได้ในตอนนี้ ต้องเอามาพิจารณากัน ทุกคนอยู่ในเกณฑ์เดียวกัน จะยกเว้นใครไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากผลงานที่ผ่านมา มีคุณสมบัติเหมาะสมจะเป็นนายกฯ หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า หากเสนอมาไม่ขัดกฎหมายก็มีโอกาสเป็นได้ทุกคน

Related Posts

Send this to a friend