‘นพรุจ’ ยื่น ส.ว.สอบคุณสมบัติ ‘พิธา’ ปมหุ้นสื่อ ‘ส.ว.เสรี’ เตรียมหารือร่วม กกต. พรุ่งนี้
‘นพรุจ’ ยื่น ส.ว.สอบคุณสมบัติ ‘พิธา’ ปมหุ้นสื่อ ด้าน ‘เสรี’ เตรียมตรวจสอบหลักฐาน หารือร่วม กกต. พรุ่งนี้ เร่งดำเนินการก่อนโหวตนายกฯ
วันนี้ (27 มิ.ย. 66) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 ยื่นหนังสือร้องขอให้คณะ ส.ว.รวมทั้งฝากถึง ส.ส.ที่ผ่านการรับรองร่วมเข้าชื่อหรือลงชื่อ 1 ใน 10 ของแต่ละสภายื่นร้องเรียนเรื่องกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบรายชื่อและเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ปมถือหุ้นสื่อ ในวันสมัครและโอนหุ้นหลังการเลือกตั้งซึ่งมีองค์ประกอบตามคำร้องในชั้น กกต. เพื่อให้นำกราบเรียนศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาว่าเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) หรือไม่ ให้สิ้นกระแสความก่อนนำรายชื่อทูลเกล้าฯ
นายนพรุจ กล่าวว่าตนเองมายื่นร้องเรียนปมหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเกรงว่าหากมีการเสนอรายชื่อขึ้นไปแล้วมีปัญหาจะระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ในกรณีที่แคนดิเดตนายกฯ มีปัญหาคาราคาซัง ยังไม่สิ้นกระแสความ อยากให้แคนดิเดตนายกฯ บริสุทธิ์ เดินเข้าสภาฯ อย่างสง่าผ่าเผย ซึ่งผมก็เป็นผู้สมัคร ส.ส. จึงอยากให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มารับหนังสือ พร้อมระบุว่า มีการยื่นหนังสือให้กับคณะกรรมาธิการ 2 คณะ คือ คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน ในเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องการถือหุ้นของนายพิธา ที่สอดคล้องกับภารกิจหน้าที่ที่ตนเองเป็นประธานกรรมาธิการอยู่ ในการตรวจสอบเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เมื่อนำข้อมูลมา ก็จะนำไปศึกษาต่อ โดยได้รวมรวมเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และจำเป็น รวมถึงได้มีการประชุมในวันนี้ จะตรวจสอบรวบรวมให้ครบถ้วน เนื่องจากวันพรุ่งนี้มีการนัดประชุมร่วมกันกับ กกต. และคณะ โดยจะมอบเอกสารให้ทาง กกต. ในวันพรุ่งนี้
ด้านนายสมชาย แสวงการ ระบุว่าจะรับเรื่องนี้เอาไว้ไม่ว่าจะเรื่องข้อสงสัยการถือหุ้นสื่อไอทีวี ก็ส่งให้คณะกรรมาธิการดูด้วย รวมถึงส่งให้ กกต. แล้ว ในการให้ส.ว.ไปยื่นตามมาตรา 82 ต้องเป็นเรื่องของ ส.ว. ด้วยกัน แต่หากจะไปยื่นร้อง ต้องเป็น ส.ส. จึงคิดว่าไม่น่าจะถึงขั้นนั้น พร้อมเห็นว่า กกต. มีหน้าที่อยู่แล้ว เรื่องนี้จึงไม่ยาก พิจารณาได้แค่ว่าถือหุ้นหรือไม่ จะถือโดยอัตโนมัติหรือเป็นผู้จัดการมรดก ตามกฎหมายก็ระบุชัดเจนอยู่แล้ว และตรวจสอบว่าไอทีวีเป็นสื่อหรือไม่ ก็ดูตามวัตถุประสงค์ และคดีความ เพราะคำวินิจฉัยของศาลระบุชัดเจนว่าถือหุ้นสื่อแม้แต่หุ้นเดียวไม่ได้ และอยากให้ใช้มาตรฐานเดิมเหมือนกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา และจะวินิจฉัยอย่างไรก็รับได้หมด โดยคำร้องของนายพิธา ก่อนหน้านั้นเป็นการร้องส่วนผู้สมัคร แต่ตอนนี้เป็น ส.ส. แล้ว ดูตามคุณสมบัติตามมาตรา 98(3) และเร่งดำเนินการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อความเป็นธรรมต่อนายพิธาด้วย และจะได้ไม่มีปัญหาทางข้อกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการพูดคุยกับ กกต. ในวันพรุ่งนี้ จะมีการพูดถึงปมที่ดินของนายพิธาด้วยหรือไม่ นายเสรี ระบุว่า เรื่องที่ดินเป็นเรื่องของทรัพย์มรดก เป็นการแสดงให้เห็นถึงวิธีการจัดการช่วงไหน เวลาไหน และแบ่งอย่างไร ซึ่งมีการแบ่งที่ดินก่อนหุ้นสื่อหรือไม่ แล้วทำไมถึงยังไม่จัดการเรื่องหุ้น ถ้าเรื่องอื่นจัดการไปแล้ว












