POLITICS

สธ.สั่งเพิ่มด่านคัดกรอง ‘ฝีดาษลิง’ ​ที่สนามบิน​ โดยเฉพาะ 17 ประเทศเสี่ยง

สธ.สั่งเพิ่มด่านคัดกรอง ‘ฝีดาษลิง’ ​ที่สนามบิน​ โดยเฉพาะ 17 ประเทศเสี่ยง​ – ย้ำ สถานการณ์ในประเทศยังไม่มีอะไรขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก​

วันนี้ (24 พ.ค. 65) นายสาธิต​ ​ปิตุเตชะ​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณ​สุข กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง​ว่า​ ขอให้ประชาชนได้ติดตามสถานการณ์ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่ตื่นตระหนก​ ซึ่งขณะนี้กระทรวงได้แต่ตั้ง คณะกรรมการพนักงานปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน เกี่ยวกับโรคฝีดาดลิงซึ่งเป็นระดับกรม มี ผอ.กองระบาดวิทยาเป็นประธาน และรองอธิบดีเป็นที่ปรึกษา และมีอีก 3 หน้าที่ คือหน่วยคัดกรอง​ ติดตามและกำหนดแผน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้พยายามติดตามสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเดินทางเข้ามาจากประเทศเสี่ยง 17 ประเทศ โดยปกติแล้วในแต่ละสนามบิน จะมีกรมควบคุมโรคเป็นด่านคัดกรองโรคอยู่แล้ว และปฏิบัติการควบคุมโรคให้เข้มขึ้นในจังหวะที่เราจับตา

ขณะเดียวกันจะต้องมีการทำความเข้าใจกับคลินิกโรคผิวหนังและคลินิกกามโรค พร้อมกับติดตาม รวมทั้งอีก 1-2 วัน จะพยายามดูว่าสถานการณ์ในประเทศนั้นเป็นอย่างไร และในประเทศ​ ขณะนี้เองสถานการณ์ยังไม่มีอะไรน่าตกใจ โดยจะมีการประชุมและแจ้งเตือนไปยังสาธารณสุข จังหวัด ทั่วประเทศ ให้ติดตามไปยังคลินิกต่างๆ ว่ามีโรคฝีดาษลิง ตามคำนิยามเข้ามาแล้วหรือไม่

แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้มีการนิยามว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรง เพียงแต่ให้ติดตามอย่างใกล้ชิด จึงอยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลโดยที่ไม่ต้องตื่นตระหนก และติดตามที่กรมควบคุมโรคคอยชี้แจงทั้งสถานการณ์ภายในและต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามเฝ้าดูกันต่อไป

ขณะที่ข้อมูลการฉีดวัคซีนของประชาชนที่เกี่ยวข้องกับฝีดาษ จริงๆ แล้วไม่ใช่วัคซีน แต่เป็นการปลูกฝี ซึ่งคนที่เกิดหลังจากปี 2523 ไม่ได้มีการปลูกฝีประเภทนี้ ซึ่งการปลูกฝีเป็นการป้องกันอาการรุนแรงได้ 80% แต่ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อแต่ยังใด

ทั้งนี้ นายสาธิต​ ยังขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสังเกตอาการตนเอง โดยหากมีอาการไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมีตุ่มฝีขึ้น ภายใน 1 สัปดาห์ ยอมรับว่าอาการดังกล่าวแยกได้ยากจากโรคอื่น เพียงแต่อาจจะต้องคอยฟังคำเตือนเป็นระดับจากกรมควบคุมโรค ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยไม่น่าจะมีเกิดขึ้นหากมีก็ไม่มีอาการ และโรคดังกล่าวไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้วเพียงแต่ปรากฏในประเทศที่เป็นต้นทางของการระบาดและแพร่ระบาดไปยังประเทศอื่น เพราะฉะนั้นจะต้องติดตามข้อมูลว่าเข้ามายังประเทศไทยแล้วหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่ต้องเฝ้าระวังถึงขั้นต้องดูอาการตัวเอง

ส่วนจำเป็นต้องรื้อฟื้นแนวทางการปลูกฝีหรือไม่นั้นนายสาธิตระบุว่า ขณะนี้ต้องติดตามแผนงานว่าในการระบาดของแต่ละประเทศเป็นอย่างไร และ บริษัทในประเทศมีหลายบริษัทที่ผลิตวัคซีนแต่ต้องไปดูว่าจะคุ้มค่า ในการลงทุนปลูกฝีหรือไม่ กับสถิติการแพร่ระบาด พร้อมกับระบุว่าการแพร่ระบาดโรคนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนโควิด-19 แม้ว่าจะใกล้เคียงกัน แต่ต้องเป็นการสัมผัสใกล้ชิดจริงๆ ถึงจะติดเชื้อได้ เพราะฉะนั้นจะต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป

ส่วนจะต้องมีการเข้มการคัดกรองการเดินทางเข้าประเทศหรือไม่นั้น นายสาธิตระบุว่า ขณะนี้มีการเพิ่มความเข้มงวดของด่านตรวจโรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการเพิ่มกรณีฝีดาษลิงมาโดยเฉพาะ ซึ่งได้ดำเนินการเป็นไปตามแผนของคณะกรรมการปฏิบัติการในสถานการณ์ฉุกเฉินของโรคฝีดาษลิงอยู่แล้ว

Related Posts

Send this to a friend