‘อภิสิทธิ์’ ซัดนายกฯ “บริหารเวลามาสภาไม่ได้ จะบริหารประเทศได้อย่างไร”
“เสวนา 90 ปีรัฐสภา” ‘อภิสิทธิ์’ บอก รัฐประหารไม่ใช่คำตอบ ซัดนายกฯ “บริหารเวลามาสภาไม่ได้ จะบริหารประเทศได้อย่างไร” ‘วันนอร์’ จี้นายกฯ ให้ความสำคัญกับนิติบัญญัติมากกว่านี้ ‘โภคิน’ หวังประชาชน กล้าต่อต้านผู้ทำลายประชาธิปไตย ไม่ให้รัฐสภาสะดุดอีก
วันนี้ (27 มิ.ย. 65) ณ อาคารรัฐสภา มีการเสวนา “90 ปี รัฐสภา การเดินทางและความหวัง” ในโครงการจัดนิทรรศการและเสวนาทางวิชาการเนื่องในโอกาสครบรอบ 90 ปี รัฐสภา ประกอบด้วย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวยอมรับว่า ผิดหวังลึก ๆ ในบทบาทของสภาฯ เพราะควรเป็นที่ซึ่งทำประโยชน์ให้กับประชาชนมากกว่านี้ เช่น เรื่องการกระจายอำนาจ โดยมองว่ารัฐสภาไม่ควรกำหนดอำนาจให้กับรัฐบาลกลางมากมายเกินไป แต่ควรคิดว่าทำอย่างไรให้ประชาชนในทุกจังหวัดมีสภาฯ ที่บริหารตนเองได้
“ในช่วงที่ผมเป็นประธานสภาฯ มีการผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 2540 มาจากประชาชนโดยตรง รวมไปถึงองค์กรอิสระและ ส.ว. ก็มาจากการเลือกตั้ง มีความเป็นประชาธิปไตยแต่ใช้ได้เพียง 9 ปี” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวถึงอุปสรรคสำคัญของระบบรัฐสภาไทย คือ การถูกเตะตัดขาตลอด จากขุนศึก นายทุน และอำนาจนิยม โดยวันนี้ก็ยังไม่พ้นบ่วงบาศจากรัฐบาลที่มาจากการก่อเหตุเช่นนี้ เมื่อเข้ามาก็ต้องดูแลขุนศึกและอำนาจนิยม แล้วประชาชนเป็นอย่างไร เราต้องสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน ปฏิวัติไม่ได้หรอกถ้าประชาชนไม่ยินยอม เราต้องมีจิตสำนึกว่าประชาธิปไตยเป็นสิ่งแพง
“เมื่อ ส.ส. มีความรู้ความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็คาดว่ารัฐบาลจะมีความสามารถด้วย แต่ดูแล้วไม่แน่ใจ ตราบใดที่ยังมีการแจกกล้วยอยู่” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวฝากไปยังรัฐบาลถึงเรื่องกระทู้สดว่า ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา กระทู้สดถือเป็นการวัดกึ๋นการทำงานของรัฐบาล อย่างในหลายประเทศเมื่อถึงวันประชุมสภา ทุกกระทรวงต้องยกมาที่สภาฯ เพราะถ้าคุณมาจากสภาฯ แต่คุณไม่มาสภาฯ จะมีประโยชน์อะไร สภาฯ เป็นคนอนุมัติงบประมาณให้รัฐบาล ความสำคัญอยู่ที่สภาฯ เหนือกว่าฝ่ายบริหาร ถ้ากระทู้สดให้คนมาตอบแทน งั้นไม่ต้องมีก็ได้
ด้านนายโภคิน กล่าวถึงสิ่งที่คณะราษฎรนำมาสู่สังคมไทย 3 ด้านคือ
- เปลี่ยนให้อำนาจเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แม้แต่พวกยึดอำนาจก็ไม่กล้าอ้าง
- สร้างความเสมอภาคเท่าเทียมในสังคม
- ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
“แต่ปัญหาคืออีก 10 ปี เราจะยังต้องมานั่งเสียดายเรื่องเดิมอยู่หรือไม่?” นายโภคิน กล่าว
นายโภคิน กล่าวถึงการรัฐประหารว่า ทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร สิ่งที่เห็นคือฝ่ายรัฐบาลมักจะแซงกฏหมายตัวเองเข้ามา กฏหมายดี ๆ ที่เดินทางมาหลายปี พอยุบสภาก็ตกหมด พวกเราที่มาจากประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย น้อยมากที่จะกล้าลุกขึ้นสู้กับอำนาจเผด็จการ จึงอยากเห็นทุกคนพร้อมใจกันสู้ ต่อต้านผู้ทำลายประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาจึงจะงดงามและมีความหมาย
“ความจริงประชาชนสนใจและอยากฝากปัญหา เราแก้อำนาจนิยมไม่ได้ หากไม่ปลดปล่อยและเสริมพลังประชาชน” นายโภคิน กล่าว
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เริ่มกล่าวว่า คุณค่าของรัฐสภา แยกไม่ออกจากคุณค่าของประชาธิปไตย พร้อมทั้งบอกเล่าประสบการณ์ว่า ส่วนตัวเริ่มสนใจในกิจการสภาตั้งแต่อายุ 11 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ทำให้เห็นว่าประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองมาก ทุกครั้งจะฟังประชุมสภาฯ จากวิทยุ ประทับใจการอภิปรายของประธานสภาฯ คนปัจจุบัน ที่ตอบโต้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงคุณค่าของการเป็นสมาชิกฯ 3 เรื่อง คือ
- ได้มีโอกาสพูดแทนชาวบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้แทนฯ ต่างพึงปรารถนา
- ฝ่ายบริหารต้องมาแสดงความรับผิดชอบไม่มากก็น้อย มีโอกาสวิพากษ์วิจารณ์ หรือบางครั้งประจานความไม่เป็นธรรมของการบริหาร ซึ่งรัฐสภามีเอกสิทธิเต็มที่
- รัฐสภาคือแหล่งเรียนรู้ เพราะมี ส.ส. จากหลากหลายพื้นที่มาสะท้อนปัญหาในแง่มุมต่าง ๆ
นายอภิสิทธิ์ วิเคราะห์สาเหตุที่สภาฯ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพ ปัญหาแรกคือในรอบศตวรรษที่ผ่านมา อำนาจอยู่กับฝ่ายบริหารมากขึ้น กระบวนการนิติบัญญัติ ไม่คล่องตัวรวดเร็วกระชับเหมือนบริหาร พึ่งพายาก เป็นโจทย์ที่ต้องคิดว่าควรปรับปรุงการตรากฏหมายอย่างไร ให้สามารถอยู่ในใจของประชาชน
ปัญหาที่สอง คือเรายังไม่มีวัฒนธรรมเหมือนประเทศประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาที่จะทำให้ฝ่ายบริหารเคารพระบบรัฐสภา กรณีที่รองประธานสภาฯ สุชาติ ตำหนินายกฯ นั้นอยากจะเรียนท่านรองประธานฯ ว่าพูดเบาเกินไป และอยากเรียนท่านนายกฯ ให้ตระหนัก ว่าในหลายประเทศ ผู้นำต้องให้ความสำคัญกับสภาฯ เป็นอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะการตอบกระทู้ถาม
“ถ้าคุณไม่สามารถบริหารเวลามาตอบกระทู้ถาม คุณจะมาแก้ปัญหาประเทศได้อย่างไร” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงปัญหาต่อไปว่า ฝ่ายบริหารยังมีลักษณะครอบงำฝ่ายนิติบัญญัติค่อนข้างมาก เราไปเชื่อกันว่าฝ่ายบริหารต้องเป็นเสียงข้างมาก ส.ส. แตกแถวไม่ได้ ต้องตามวิปทุกเรื่อง ทำให้บทบาทของสภาฯ อ่อนแอ แต่ช่วงหลังเราเริ่มเห็นกฏหมายของสมาชิกผ่านมากขึ้น ไม่ใช่รอแต่ฝ่ายรัฐบาลเสนอมา แล้วเรียกตัวเองว่าฝ่ายนิติบัญญัติ
ส่วนบทบาทของวุฒิสภา นายอภิสิทธิ์ เห็นว่าในอนาคตต้องตั้งคำถามมากขึ้น หลังจากลองมาหลายวิธีแล้ว แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเราต้องการให้วุฒิสภาทำอะไรที่สภาผู้แทนฯ ทำไม่ได้ จะได้ออกแบบถูก ไม่ใช่ว่าไม่ยึดโยงกับประชาชน แล้วยังมีอำนาจเกินไป
เมื่อพูดถึงวุฒิสภาแล้ว นายอภิสิทธิ์ ยังพูดถึงการรัฐประหารว่า ไม่ควรเป็นคำตอบในเรื่องใดก็ตาม ควรมีวิถีในการแก้ปัญหา แต่ปรากฏว่าทุกครั้งย่อมมีการอ้างเหตุผลแบบเดิม จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ไม่ควรยอมให้มีการอ้างเหตุผลเหล่านั้น ต้องย้ำให้ทุกคนรู้ว่ารัฐประหารไม่ใช่คำตอบ และต้องสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้ศาลไม่รองรับอำนาจจากการรัฐประหาร