POLITICS

‘ทักษิณ’ แนะ กัญชา – กัญชง – ใบกระท่อม แม้เสรี แต่ต้องควบคุมชัดเจน มอง ผู้ว่าฯ CEO ต้องมีเป้าหมายไม่ใช่บริหารไปวันๆ

วันนี้ (27 พ.ค. 68) ภายหลังการปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” โดยนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ณ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมซักถามในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ตั้งคำถามถึงกรณีการนำพืชบางชนิด เช่น กัญชาและใบกระท่อม มาผสมกัน จนทำให้ต่างประเทศมองว่าประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตยาเสพติด และควรมีมาตรการควบคุมอย่างไร นายทักษิณตอบว่า ประเทศไทยมักมีลักษณะสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง ขาดความสมดุล การจะให้มีเสรีภาพในเรื่องใดๆ จำเป็นต้องมีการควบคุมที่ชัดเจน โดยยกตัวอย่างหลายประเทศที่เปิดเสรีกัญชาแต่ไม่มีปัญหาความเดือดร้อน เนื่องจากมีระบบการควบคุมที่ดี บางมาตรการไม่จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมาย แต่อาจใช้มติคณะรัฐมนตรีดำเนินการได้ นายทักษิณวิจารณ์ว่าปัจจุบันยังขาดการควบคุมตั้งแต่เรื่องการท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวสามารถหากัญชาได้ง่ายทั่วไป จนถึงการควบคุมการปรุงแต่งอาหาร เช่น การใส่กัญชาในบราวนี่ พร้อมทั้งแสดงทัศนะเชิงพุทธศาสนาว่า ความโลภ โกรธ และหลง รวมถึงความไม่รู้และกิเลส สามารถชี้นำสังคมและทำให้คนฉลาดกลายเป็นคนโง่ได้

นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ทวี ยังได้สอบถามถึงแนวคิด “หนึ่งอำเภอ หนึ่งศูนย์บำบัด” และการประสานงานกับศาลในเรื่องการส่งผู้เสพยาซึ่งถือเป็นผู้ป่วยไปรับการบำบัดแทนการควบคุมตัว นายทักษิณกล่าวว่า ตนเองเป็นผู้ริเริ่มแนวคิด “ผู้เสพคือผู้ป่วย” เพื่อลดจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยในอดีตได้มีการนำผู้เสพยาไปบำบัดในค่ายทหารเป็นเวลา 4 เดือนก่อนส่งกลับคืนสู่ชุมชน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเปิดโอกาสให้มีการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่อย่างเข้มข้น และผู้ป่วยก็ได้รับการบำบัดความอยากยา อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ควรตายตัวเกินไป แต่ควรพิจารณาจากพฤติกรรมเป็นหลัก

ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีได้สอบถามถึงบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการช่วยแก้ไขปัญหายาเสพติด และความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ผู้ว่าฯ CEO” นายทักษิณอธิบายว่า แนวคิดผู้ว่าฯ CEO ที่ตนเคยผลักดันนั้น ต้องการเน้นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ และเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาจังหวัด ไม่ใช่เพียงบริหารงานไปวันๆ แต่ต้องบริหารอย่างมียุทธศาสตร์และมีเป้าหมาย โดยรวบอำนาจการสั่งการไว้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อให้สามารถบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ได้ เนื่องจากในอดีตปัญหาคือการขาดเจ้าภาพที่ชัดเจน ส่วนองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สามารถเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์บำบัด โดยช่วยสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมในแต่ละอำเภอเพื่อปรับปรุงเป็นศูนย์บำบัด และประสานงานของบประมาณเพื่อการพัฒนาต่อไป

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat