’มงคลกิตติ์‘ เผยตั้งใจเข้าประชาธิปัตย์มานานแล้ว แต่ยังขาดวิทยายุทธ

พร้อมนำประสบการณ์ฝ่ายค้านมาช่วยงาน ตอบโต้รัฐบาลได้ทุกรูปแบบ เพราะยังไม่เห็นผลงาน นอกจากพา ‘ทักษิณ‘ กลับบ้าน

วันนี้ (27 เม.ย.67) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2567 พร้อมโชว์บัตรสมาชิพรรคที่เพิ่งได้รับวันนี่ ก่อนจะเปิดเผยว่ารู้สึกดีใจ เพราะตนเองประทับใจพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่สมัยเด็ก เคยดูนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อภิปรายในสภาฯ ตนเองจึงตั้งใจว่าโตขึ้นอยากเป็นนักการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ไม่มากพอ จึงไม่ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่แรก ยอมรับว่ารู้สึกภูมิใจในการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ยังคงรักพรรคเดิมอยู่ เพราะพรรคเดิมทำให้ตนเองได้เป็น สส.

พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่อยู่ในใจมานาน และคงจะอยู่ในใจของประชาชนหลายคน ปี 2567 เป็นนิมิตหมายที่ดีที่อยากเชิญชวนให้ประชาชนทั้งคนรุ่นใหม่ รุ่นเก่า รุ่นกลางมาสมัครสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีพื้นที่ให้กับคนทุกรุ่นในการสร้างสรรค์ เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคหลักของไทย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็สามารถถ่วงดุลให้กับสังคม เป็นหลักให้กับประเทศได้ ตนเองเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมในปี 2570 แต่ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทุกคน

ส่วนพรรคไทยศรีวิไลย์ จะเป็นการดำเนินการของกรรมการบริหารพรรคชุดเก่า ตนเองมองว่าเป็นการฝึกงานที่พรรคเล็กก่อนที่จะมาทำงานในพรรคการเมืองใหญ่ ช่วยเหลือประชาชน ทำงานด้านนิติบัญญัติก่อนจะมาเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน รู้จักผิดชอบชั่วอยู่ชั่วดี แยกแยะถูกผิดเป็น และสามารถทำงานให้ประชาชน เป็นพรรคใหญ่มีระเบียบวินัยค่อนข้างเยอะและเป็นระบบพรรค เป็นเรือใหญ่ที่มีฝีพายที่มีฝีมือเยอะ ฝีพายที่แข็งแรงจะถูกส่งไปเป็นฝีพายจริง และเมื่อถึงเวลาเรือลำใหญ่ขึ้นก็ต้องได้ฝีพายที่มากขึ้น ก็เหมือน สส.ที่จะเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ในอนาคต

เดิมตั้งใจจะเข้าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งนานแล้ว แต่ด้วยคุณสมบัติยังไม่มีประสบการณ์ และยังขาดวิทยายุทธอีกหลายอย่าง แต่ได้ไปฝึกงานพรรคไทยศรีวิไลย์มา 4 ปี ในฐานะ สส.และเป็นฝ่ายค้านถึง 3 ปีกว่า ซึ่งการเป็น สส.สมัยแรกต้องอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตรวจสอบถึงจะได้รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ตนเองจะใช้ความรู้ความสามารถที่เคยเป็นฝ่ายค้านมาช่วยพรรคประชาธิปัตย์ทำงานในฐานะฝ่ายค้านด้วย

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่าเดือนหน้ายุบพรรค จะมีการเลือกตั้ง 8 เขต ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของหัวหน้าพรรคว่าจะส่งคนลงสมัคร สส.อย่างไร ตนเองพร้อม แต่ถ้าไม่มีการยุบพรรคก็จะไม่มีการเลือกตั้งซ่อมต้องรอถึงปี 2570 ในช่วง 3 ปีนี้ถ้าพรรคเห็นว่าตนเองสามารถทำงานในพื้นที่ได้ ตนเองก็พร้อมที่จะลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน

หากพรรคมอบหมายให้ทำหน้าที่อะไรก็พร้อมที่จะทำเต็มที่และพร้อมตอบโต้ได้ทุกรูปแบบอยู่แล้ว เพราะปัจจุบันรัฐบาลยังไม่มีผลงานอะไรเลย มีผลงานอย่างเดียวคือพานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก ทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว ส่วนเรื่องอื่นยังไม่ได้มีผลงานอะไรเลย ขณะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ถ้าเดินต่อไปได้หนี้สิน 3 แสนล้านบาท แต่ก็มีกระบวนการที่อาจจะมีการทุจริตอยู่หลากหลายรูปแบบแต่ไม่ได้บอกว่าใครทุจริตเพราะโครงการยังไม่เกิด ถ้าจะให้ประชาชนจริง ๆ และจะเป็นหนี้ก็ต้องเป็นเงินสด เหมือนตอน โครงการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งการท่องเที่ยวก็จะเดินต่อไปได้ เพราะสมัยพลเอกประยุทธ์ก็วางรากฐานมาดีอยู่แล้ว