‘ศาสตรา’ จี้ เอาผิด ผอ.รร.ในพื้นที่หาดใหญ่ กับพวก ปมทุจริตเงินค่าอาหารกลางวันเด็ก
‘ศาสตรา’ จี้ เอาผิด ผอ.รร.ในพื้นที่หาดใหญ่ กับพวก ปมทุจริตเงินค่าอาหารกลางวันเด็ก หลังตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา แต่ยังไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเข้ม หวั่นกระทบนักเรียนและผู้ปกครอง
วันนี้ (26 มิ.ย. 67) เวลา 14.00 น. ที่อาคารรัฐสภา นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงข่าว กรณีตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) แจ้งข้อกล่าวหาต่อ ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ และหัวหน้าฝ่ายบริหารงานงบประมาณ ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่หาดใหญ่ รวม 4 คน ร่วมกันทุจริตเงินค่าอาหารกลางวันของโรงเรียน และมีการยื่นคำร้องขอรับเงินอุดหนุนโครงการเรียนฟรี 15 ปี ค่าอุปกรณ์การเรียน และค่าเครื่องแบบนักเรียน จากสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดสงขลา แต่ไม่นำเงินอุดหนุนมอบให้ผู้ปกครอง
นอกจากนี้ มีการทุจริตโดยนำใบสำคัญรับเงินให้กับครูประจำชั้นเพื่อนำไปให้ผู้ปกครองลงลายมือชื่อ โดยยังไม่มีการกรอกข้อความใดในใบอุดหนุนการศึกษา และขอเก็บสำเนาบัตรประชาชนผู้ปกครองไว้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินอุดหนุน อีกทั้งให้ครูปลอมเอกสารใบเสร็จรับเงิน ซึ่งเอกสารดังกล่าวโรงเรียนฯ ต้องเสนอหลักฐานการใช้จ่ายเงินอุดหนุนต่อคณะกรรมการบริหารโรงเรียน เป็นเหตุให้ผู้ปกครองเสียสิทธิในการรับเงินอุดหนุนดังกล่าวรวม 1,226,910 บาท
ในส่วนของเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวัน มีการว่าจ้างให้ลูกจ้างเซ็นชื่อลอยไว้ในเอกสารใบสำคัญแทน โดยไม่มีการระบุข้อความ และจำนวนเงิน จากนั้นกรอกข้อความจำนวนเงินย้อนหลัง ซึ่งเกินจำนวนจริง ทำให้นักเรียนได้รับคุณค่าทางโภชนาการไม่เพียงพอ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 968,286 บาท รวมความเสียหายที่เกิดขึ้น 2,195,196 บาท
นายศาสตรา กล่าวว่า ในฐานะที่เป็น สส.ในพื้นที่ และเป็นคนรับเรื่องร้องเรียนจากคุณครูและผู้ปกครองเมื่อ 1 ปีที่แล้ว กระทั่งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้หน่วยงาน ผู้รับใบอนุญาต และต้นสังกัด ดำเนินการทางวินัยและปกครองด้วย อีกทั้งเจ้าอาวาสวัดโคกสมานคุณ ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาต ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ครู เด็ก และผู้ปกครอง
ทั้งนี้ ผู้บริหารเมื่อตกเป็นผู้ต้องหา ในข้อหา “ร่วมกันยักยอก ร่วมกันทำและใช้เอกสารปลอม” หากผลการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมีมูลเชื่อว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือปรับเปลี่ยนไปทำหน้าที่อื่นจนกว่าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้
“ถึงแม้ว่าจะมีหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ทว่าตัวผู้อำนวยการและผู้บริหารที่ร่วมกระทำการทุจริตยังนั่งบริหารโรงเรียนตามปกติ โดยไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด จึงมีคำถามเกิดขึ้นตามมาว่า สมควรหรือไม่ที่ผู้ต้องหายักยอกทรัพย์และปลอมแปลงเอกสารยังทำงานอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ได้ส่งผลให้ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่บางส่วนของโรงเรียนเกิดความกังวลและหวาดกลัว จึงมอบหมายให้ผมมาติดตามเรื่องนี้ต่อ” นายศาสตรา กล่าว
นายศาสตรา กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพฤติการของผู้บริหารคนดังกล่าวเพิ่มเติม พบหลักฐานมูลความผิดทางอาญาในการทุจริตเงินวัดอีกหลายคดี ซึ่งทำกันเป็นขบวนการ จึงฝากไปถึงต้นสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน จ.สงขลา และทั่วประเทศ ต้องคอยติดตามตรวจสอบเรื่องทุจริตเกี่ยวกับเด็ก และโรงเรียน อย่างเข้มงวด