‘พิพัฒน์‘ เผยมติ ครม. รัฐวิสาหกิจลาคลอด 98 วัน-เพิ่มวันหยุดพิเศษตามมติ ครม. โดยได้รับค่าจ้าง
‘พิพัฒน์‘ เผยมติ ครม. รัฐวิสาหกิจลาคลอด 98 วัน-เพิ่มวันหยุดพิเศษตามมติ ครม. โดยได้รับค่าจ้าง ด้านแรงงานต่างด้าว ฟรีวีซ่า สงกรานต์ ได้ 15 วัน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยข่าวดี เพิ่มสิทธิประโยชน์ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ให้ลาเพื่อคลอดบุตรโดยได้รับค่าจ้าง 98 วัน เพิ่มวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรีให้เป็นวันหยุดตามกฎหมาย พร้อมปรับปรุงการรักษาโรคโควิดให้สอดคล้องตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หลัง ครม. มีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ คาดใช้บังคับ พฤษภาคมนี้
นายพิพัฒน์ เปิดเผยว่า วันนี้ (26 มี.ค. 67) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) จำนวน 2 ฉบับ คือ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมให้ลูกจ้างหญิงมีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรโดยได้รับค่าจ้าง จาก 90 วัน เป็น 98 วัน เพิ่มบทนิยามคำว่า วันหยุด ให้หมายความรวมถึงวันหยุดพิเศษตามที่มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษเป็นวันหยุดตามกฎหมาย และหากลูกจ้างทำงานในวันหยุดดังกล่าวให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าจ้างด้วย และร่างประกาศ ครรส. เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต (กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19) เป็นการปรับปรุงการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคโควิด 19 โดยกำหนดประเภทผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต เฉพาะผู้ป่วยสีเหลือง และสีแดงที่มีสิทธิได้รับค่ารักษาตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
นางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขั้นตอนหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศฯ ทั้ง 2 ฉบับแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะส่งร่างประกาศดังกล่าวมาให้กระทรวงแรงงาน เพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
ทั้งนี้ ร่างประกาศ ครรส. เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สำหรับร่างประกาศ ครรส. เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต (กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19) จะมีผลใช้บังคับย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จและใช้บังคับภายในเดือนพฤษภาคม 2567 นี้
