’อนุทิน‘ ลั่น เอาตำแหน่ง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน เป็นประกัน แก้ปัญหา ปม นักท่องเที่ยวอิสราเอล
’อนุทิน‘ ลั่น เอาตำแหน่ง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน เป็นประกัน แก้ปัญหา ปม นักท่องเที่ยวอิสราเอลในอำเภอปาย ย้ำ ในพื้นที่ต้องไม่มี “นักเลง ขาใหญ่ มาเฟีย“ บอก “มาฟรีก็มีไม่ได้ มาไทยต้องมาสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน“
วันนี้ (26 ก.พ. 68) เวลา 10:30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์กับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยน และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ กรณีที่เกิดข่าวว่าชาวอิสราเอลที่อาศัยใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก่อความวุ่นวายจนสร้างความเดือดให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่
นายอนุทิน ได้กล่าวถึงเป้าหมายในการลงพื้นที่ครั้งนี้ว่า เพื่อติดตาม และเปลี่ยนข้อมูล และคลี่คลายความกังวล ต่อข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน คือ การติดตามสถานการณ์ และข้อเท็จจริงการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยเฉพาะประเด็นนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลตามที่ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งพี่น้องประชาชนทางประเทศให้ความสนใจ และเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ รวมถึงนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตน และข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ลงมาติดตามสถานการณ์สืบหาข้อเท็จจริง และอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อให้คลายความกังวลของพี่น้องประชาชนที่ติดตามข่าว ซึ่งเป็นประเด็นที่หากเราไม่ได้มาเห็นกับตาตนเองก็อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเกิดความสับสน ทำให้ประชาชน ไม่สบายใจ
นายอนุทิน ย้ำว่า อ.ปายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ และให้โอกาสกับผู้คนในพื้นที่ สร้างรายได้ให้กับตนเอง และขยายมูลค่าทางเศรษฐกิจ ที่มีทั้งปัญหา และโอกาส
ส่วนกระแสข่าวที่ปรากฏอยู่ในโซเชียลมีเดีย ตนในฐานะ รมว.มหาดไทย ได้สอบถาม และติดตามกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งก็ได้รับการยืนยัน อย่างหนักแน่นว่า ข่าวที่ปรากฏออกไปนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง และมีการพูดเกินความเป็นจริงไปมาก และไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแทรกซึมหรือทำลายความมั่นคงในการเข้ามาสร้างชุมชน และเป็นแหล่งที่พักพิงของชาวต่างประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวบางคนอาจจะใช้เวลาในการพำนักค่อนข้างนาน ขึ้นอยู่กับวิธีการการท่องเที่ยวของเขาที่อยากจะใช้วันหยุดอย่างเต็มที่ และก็มีผู้ที่เข้ามาลงทุนหรือสร้างถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ แต่ก็ยังได้รับการยืนยันว่า พวกเขายังเคารพกฎหมาย และอยู่ในระเบียบปฏิบัติตนไม่เป็นภัยต่อพื้นที่ ยังสามารถที่จะดำเนินชีวิตอย่างปกติได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ตลอดเวลา
“เรื่องที่มีใช้อิทธิพลหรือไม่ หรือการปฏิบัติตนนอกกรอบกฎหมาย ทำตัวเป็นภัยสังคม ไม่ว่าจะจากคนไทยด้วยกันเอง หรือชาวต่างชาติ ลามไปถึงขนาดว่า มีปัญหาเหมือนภูเก็ต พัทยา หรือไม่คำตอบก็คือไม่ อำเภอปายเป็นพื้นที่ที่สงบ ชาวบ้านในพื้นที่ก็เข้าใจดี และให้การต้อนรับแขก ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในพื้นที่“ นายอนุทิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีการหลั่งไหลเข้ามานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น คนไทยเข้ามาเพิ่มมากขึ้น อาจจะมีความสงบที่เคยมีอยู่อาจจะไม่เงีบบเหมือนสมัยก่อน และอาจมีความคึกคักขึ้นมาบ้าง ก็ต้องดูว่าพี่น้องในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่
”สิ่งที่เราจะไม่ยอมให้เกิดเด็ดขาด และให้คำยืนยันก็คือตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มาเป็นประกันว่าไม่มีเรื่องของการคุกคาม ไม่มีขาใหญ่ ต้องไม่มีนักเลง มาเฟีย มาฟรีก็มีไม่ได้ ต้องมาสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน“ นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน เชื่อว่า ผู้ว่าฯ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่เกินความสามารถของบุคลากร และเราก็พร้อมที่จะให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ พร้อมย้พว่า ข้อมูลที่ตนได้มาได้รับการยืนยันแล้วจากผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งอาจจะมีบางสิ่งที่ไม่ชอบใจกันวัฒนธรรมประเพณี ทั้งเรื่องวัฒนธรรมประเพณี หรือบุคลิกภาพและข้อจำกัดด้านศาสนา ทำความเข้าใจเป็นสิ่งที่เราต้องไปทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความสบายใจ
นายอนุทิน เผยอีกว่า ตน และเอกอัครราชทูต ไม่ได้เพิ่งรู้จักกัน รู้จักกันมา 3-4 ปีแล้ว โดยที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนทางการแพทย์ มีความผูกพันธ์ และความสัมพันธ์กันมามากพอสมควร และยืนยันได้ว่า เขามีความหวังดี เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
ด้าน นางออร์นา กล่าวว่า รู้สึกมีความยินดีเสมอที่ได้ออกมาพบปะกับประชาชนในภูมิภาค และจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย ในช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 นั้น นักท่องเที่ยวจากอิสราเอลมาประเทศไทยทุกปีจำนวนประมาณ 200,000 คน จนเพิ่มขึ้นมาเป็น 300,000 คนในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้สอบถามนักท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ว่าทำไมถึงมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย เพราะไทยมีความปลอดภัย และความสวยงามของประเทศไทยจึงได้ขอร้องว่าขอให้คนไทยอย่าได้ถือโทษและตีตรานักท่องเที่ยวมากนัก เพราะวัฒนธรรมอาจมีอะไรที่แตกต่างจากของไทยไปบ้าง แต่นักท่องเที่ยวอิสราเอลถือเป็นผู้ใช้จ่ายมือเติบ กระเป๋าตุง พร้อมที่จะมาหาความสุขในประเทศไทย หากมีโอกาสก็อยากมาท่องเที่ยวในไทย และสามารถลดความทุกข์ที่เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอลบ้าง
นางออร์นา กล่าวว่า ความแตกต่างทางวัฒนธรรมอาจจะมีบ้าง ทางสถานทูตเอกอิสราเอลตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ พร้อมที่จะแนะนำให้กับนักท่องเที่ยวอิสราเอลได้ปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของไทยได้มากที่สุด แต่อาจจะมีบ้างที่เป็นยังวัยรุ่นมาท่องเที่ยว และเกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขอให้เข้าใจความคิดของวัยรุ่นว่า อาจมีการต่อต้านในความคิดและจิตสำนึกบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นทั่วไปแต่ก็พยายามจะสร้างความเข้าใจให้มากที่สุด
อีกทั้ง ที่ผ่านมาตนได้เห็นป้ายไม่ต้อนรับชาวอิสราเอลใน อ.ปาย ตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ จึงเกิดความกังวล หากไม่เร่งหาทางออกอาจถือเป็นการตอกย้ำถึงประวัติศาสตร์อันโหดร้าย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ของชาวยิวที่ถูกแบ่งแยกจากสังคม กระทำการ และถูกตีตราจากนาซีว่าเป็นชาวยิว และไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำสอง
ส่วนศาสนสถานของชาวยิว ในอำเภอปายนั้น ยืนยันไม่ได้เป็นวัดไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับชาวอิสราเอลโดยเฉพาะ แต่เป็นสถานที่ที่ต้องการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา กับนักท่องเที่ยวที่มามาเที่ยวในประเทศไทยซึ่งก็มีความเคร่งในศาสนา เป็นการดำเนินการที่จะต้องโลวโพรไฟล์ที่สุด ทำอย่างภายในที่สุด ซึ่งจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดความไม่สบายใจต่อพี่น้องชาวปายอย่างแน่นอน พร้อมยืนยันจะไม่มีการสร้างมวลชนหรือชุมชนในระยะยาว












