กมธ.กฎหมายลูก เตรียมโหวตให้พรรคการเมืองร่วมรับผิดกรณีผู้สมัครฯ ส.ส.ทำผิดฐานจูงใจ

กมธ.กฎหมายลูก เตรียมโหวตให้พรรคการเมืองร่วมรับผิดกรณีผู้สมัครฯ ส.ส.ทำผิดฐานจูงใจ ขณะที่สูตรการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ยังไม่เคาะ

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธาน คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กล่าวถึงการประชุมของกรรมาธิการในวันนี้ ว่า จะเป็นการพิจารณาร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. โดยจะมีการโหวตลงมติในประเด็นของมาตรา 12 เพื่อการแก้ไขมาตรา 73 เกี่ยวกับเรื่องการกระทำความผิดในแง่ของการจูงใจให้มีผลต่อคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งร่างเดิมนั้นกำหนดให้ผู้สมัครคนใด ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อหากกระทำความผิดก็ให้ได้รับโทษตามกฎหมายกำหนด แต่มีกรรมาธิการเสนอให้มีการแก้ไขให้มีพรรคการเมืองเข้ามามีส่วนในการรับผิดด้วย แต่ก็มีกรรมาธิการบางส่วนไม่เห็นด้วยให้มีพรรคการเมืองเข้ามาจึงจำเป็นที่จะต้องมีการลงมติในประเด็นนี้

ทั้งนี้เหตุผลที่ต้องการให้พรรคการเมืองเข้ามามีส่วนด้วยเพื่อต้องการให้พรรคการเมืองต้องรับผิดชอบด้วย เพราะการหาเสียงเลือกตั้งที่มีการจูงใจจนทำให้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือให้ข้อความอันเป็นเท็จมันกระทบทุกคะแนนของทั้งเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อ ส่วนบทลงโทษของประเด็นนี้ก็อาจจะมีทั้งการเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 20 ปี รวมถึงโทษจำคุกด้วย จึงต้องพิจารณาในส่วนของผู้ที่จะมารับผิดแทนพรรคการเมืองด้วยว่าอาจจะเป็นหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคหรือไม่อย่างไร

สำหรับการประชุมวันนี้คาดว่า จะสามารถพิจารณาไปได้จนเกือบจะเสร็จในส่วนของร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งฉบับ ครบทุกมาตรา และหากร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.เสร็จในวันนี้ ก็อาจจะใช้เวลาที่เหลือพิจารณาต่อร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมืองต่อ พร้อมยืนยันว่าขณะนี้การพิจารณายังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิมที่จะพิจารณาครั้งสุดท้ายในวันที่ 23 พ.ค. 65 และจะยื่นต่อประธานรัฐสภาในวันที่ 24 พ.ค. 65

ส่วนสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น ขณะนี้ทางกรรมาธิการฯ ยังไม่ได้สรุป เนื่องจากยังพิจารณาไม่ถึง แต่ยังย้ำเหมือนเดิมว่ารัฐธรรมนูญที่แก้ไขไปแล้วนั้นมีการกำหนดไว้เป็นแม่น้ำ 2 สาย คือ ส.ส.แบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ และสัดส่วนจะต้องมีความสัมพันธ์กับคะแนนของพรรคการเมือง ดังนั้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คนก็จะต้องเป็นสัดส่วนของคะแนนที่ทุกพรรคการเมืองได้รับ และคิดว่าไม่น่าจะมีเหตุผลที่จะต้องไปถึง ส.ส.พึงมี และยังไม่แน่ใจว่าจะใช้คำว่า ส.ส.พึงมีมาตีความได้อย่างไร