รมว.ดีอี เผยระงับซิมโทรเกิน 100 สายต่อวันแล้ว 13,237 เบอร์
‘ประเสริฐ’ เผยระงับซิมโทรเกิน 100 สายต่อวันแล้ว 13,237 เบอร์ ย้ำ ‘ก.พ.’ เตรียมระงับกลุ่มถือครองเกิน 100 เลขหมาย หากไม่มายืนยันตัวตน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยภายหลังการประชุมแก้ปัญหาซิมม้าและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วยผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือว่า กระทรวงดีอีเร่งรัดกับการป้องกันมิจฉาชีพออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ โดยร่วมกับหน่วยงานในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปรามและตัดวงจรมิจฉาชีพอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกันก็เร่งรัดการทำงานศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 เพื่อให้บริการช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
นายประเสริฐ กล่าวว่า กสทช.กำหนดให้ผู้ถือครองซิม จำนวนมากตั้งแต่ 6 เลขหมายขึ้นไป ต้องยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 67 พบว่า
1.มีการระงับซิมที่โทรเกิน 100 สายต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2567 รวมเบอร์ที่ระงับทั้งสิ้น 13,237 เบอร์ มายืนยันตัว 1,925 คน ขณะที่ยังมีเบอร์ที่ยังถูกระงับการใช้อีก 11,312 คน รายละเอียดแบ่งเป็น
เครือข่าย AIS ดำเนินการระงับ 4,196 เบอร์ มายืนยันตัวแล้ว 233 คน
เครือข่าย DTAC ดำเนินการระงับ 7,344 เบอร์
เครือข่าย TRUE ดำเนินการระงับไปแล้ว 1,688 เบอร์ มายืนยันตัวแล้ว 1688 คน
เครือข่าย NT ดำเนินการระงับไปแล้ว 9 เบอร์ ไมายืนยันตัวแล้ว 4 คน
2.ประกาศการยืนยันตัวผู้ถือครองซิมเกิน 100 เบอร์ ได้ประกาศใช้ในราชกิจจาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 อยู่ระหว่างการให้มายืนยันตัว และเตรียมระงับใช้ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ส่วนของผู้ถือซิมระหว่าง 6-100 เบอร์ เตรียมระงับในวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ซึ่งเป็นขั้นตอนต่อไป คือการบริหารจัดการ SCAM SMS ที่ผูกกับลิงก์ต่อไป
“ซิมการ์ดโทรศัพท์เป็นอุปกรณ์สำคัญที่กลุ่มมิจฉาชีพ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการกระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นการโทร การส่งข้อความ หรือ sms แนบลิงก์ โอนเงินผ่านอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งร่วมกับสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต การมุ่งเน้นจัดระเบียบซิมการ์ดจึงเป็นวิธีการที่สำคัญในการตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ดังนั้นหากผู้ถือครองซิมการ์ดรายใดไม่มายืนยันตัวตนในเวลากำหนด หมายเลขอาจถูกระงับการใช้งาน และถูกเพิกถอนไปในที่สุด เพื่อป้องกันมิจฉาชีพนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมออนไลน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าว
