POLITICS

สธ.จัดประชุม เสนอคำของบประมาณรายจ่าย 67 ใช้พัฒนาระบบสาธารณสุขเพื่อประชาชน

วันนี้ (26 ม.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุม เพื่อนำเสนอคำของบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในวงเงิน 4.37 แสนล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาระบบสาธารณสุขเพื่อประโยชน์ประชาชน ภายใต้ 6 ประเด็นหลัก โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีทุกกรม และผู้บริหารหน่วยงาน/องค์กร ในกำกับของกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมประชุม

นายอนุทิน กล่าวว่า “การจัดทำคำของบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 สำหรับภาพรวมกระทรวงสาธารณสุขนั้น ขอให้ยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ใช้เม็ดเงินภาษีให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผล เกิดความคุ้มค่า ได้ประโยชน์สูงสุด และมุ่งเน้นตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาล รวมถึงแนวทางเศรษฐกิจสุขภาพ Health for Wealth ที่จะเป็นแรงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือ ปรับระบบบริการสุขภาพโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ลดความเหลื่อมล้ำ เข้าถึงบริการอย่างสะดวก รวดเร็วมีประสิทธิภาพ และลดความแออัด โดยจะขับเคลื่อนงานผ่านประเด็นหลัก 6 เรื่อง คือ เศรษฐกิจสุขภาพและนวัตกรรมการแพทย์,การปรับตัวสู่สังคมสูงอายุคุณภาพ,การพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและการจ้างงานรูปแบบใหม่,การเรียนรู้จากโควิด 19 เพื่อพลิกโฉมสาธารณสุข ยืดหยุ่นต่อวิกฤตและภัยอุบัติใหม่,งานบริการระบบปฐมภูมิ ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และ Digital Health เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ ระบบการแพทย์ทางไกล”

“คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 มีวงเงินคำขอรวมทั้งสิ้น 437,131.4 ล้านบาท แบ่งเป็นคำขอของหน่วยงานในสังกัด 10 กรม 219,652 ล้านบาท กองทุนในกำกับ 3 กองทุน 214,362 ล้านบาท และองค์การมหาชน 6 หน่วยงาน 3,117 ล้านบาท จำแนกเป็นหมวดงบประมาณดังนี้ งบด้านบุคลากร 124,480 ล้านบาท งบดำเนินการ 30,824 ล้านบาท งบลงทุน 30,160 ล้านบาท งบอุดหนุน 32,708 ล้านบาท และงบรายจ่ายอื่นๆ 1,480 ล้านบาท โดยมีโครงการสำคัญที่จะดำเนินการ เช่น ผู้สูงอายุ วงเงิน 155.58 ล้านบาท,ยาเสพติด วงเงิน 3,341.80 ล้านบาท,สุขภาพปฐมภูมิ/อสม.วงเงิน 27,606.89 ล้านบาท,Digital Health วงเงิน 1,248.80 ล้านบาท,Medical Hub วงเงิน 162.99 ล้านบาท”

“ปีงบประมาณ 2567 ในส่วนของงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้เสนอขอเพิ่มขึ้นจากอัตราเหมาจ่ายรายหัวปี 2566 จำนวน 3,385.98 บาท ต่อหัวประชากร เพิ่มขึ้นในปี 2567 เป็นจำนวน 3,440.51 บาทต่อหัวประชากร เพื่อให้หน่วยบริการได้นำมาดูแลสุขภาพ ของประชาชนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น”

ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า “คำของบประมาณในส่วนของสำนักงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวม 154,572.2 ล้านบาท ซึ่งนอกเหนือจากงบรายจ่ายด้านบุคลากร จะเป็นงบประมาณที่ใช้เพื่อการดูแลประชาชน โดยเฉพาะงบลงทุน ที่นำมาใช้พัฒนาสถานพยาบาล และระบบบริการสุขภาพต่างๆ เช่น ก่อสร้างอาคารบริการ ระบบบำบัดน้ำเสีย จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงงบดำเนินการที่ใช้ในการรองรับโรคและภัยสุขภาพต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต”

“นอกจากนี้ยังมีงบลงทุนที่นำมาใช้ ในโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ทั้งการจัดซื้อครุภัณฑ์ด้านการศึกษา การแพทย์ ยานพาหนะ และสิ่งก่อสร้าง เพื่อพัฒนาระบบการผลิตแพทย์ออกไปดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ห่างไกล เพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชนในพื้นที่ และงบลงทุนด้านครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับการนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาขับเคลื่อนบริการทางการแพทย์ อาทิ ระบบเทเลเมดิซีน ระบบข้อมูลสุขภาพ ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลเป็นภาพรวม ประชาชนสามารถนำข้อมูลสุขภาพตนเอง ไปใช้หรือไปรับบริการได้สะดวก”

Related Posts

Send this to a friend