POLITICS

‘กมลศักดิ์’ ขอบคุณเพื่อนสมาชิกถกญัตติด่วนคดีตากใบ ซึ้ง สส. ในพื้นที่ทุกพรรคร่วมอภิปราย

ชี้ กรณีนี้ไม่สูญเปล่า ถอดบทเรียนป้องกันเกิดเหตุอีกในอนาคต ด้าน สภาฯ มีมติเห็นชอบศึกษาต่อในชั้น กมธ. กรอบเวลา 90 วัน

วันนี้ (25 ต.ค. 67) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานในการประชุม

นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดนราธิวาส พรรคประชาชาติ อภิปรายสรุปว่า ขอบคุณประธานสภาฯ และวิปสองฝ่าย เพราะเมื่อเช้าญัตติที่ตนเองเสนอ ไม่แน่ใจว่าคดีตากใบ จะไปต่อได้หรือไม่ และเพื่อนสมาชิกจะเห็นด้วยต่อญัตติที่เสนอหรือไม่ หลายท่านให้ความสำคัญ และเปิดโอกาสแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ และเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้อย่างจริงจัง ตนเองเห็นบรรยากาศวันนี้แล้วรู้สึกตื้นตันใจมากที่เพื่อนสมาชิกในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างพรรคกัน ทุกคนแสดงความเป็นห่วงเป็นใยกับเรื่องนี้ ด้วยการลุกขึ้นอภิปรายทุกพรรคการเมือง สะท้อนให้เห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองหนึ่งและตระหนักถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายกมลศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนเองอยากสื่อไปถึงพี่น้องประชาชนที่ลุกขึ้น ซึ่งเป็นประวัติศาสครั้งแรกในการใช้กฎหมายตามกระบวนการยุติธรรม แสวงหาความเป็นธรรมตามกฏหมาย ตนเองทราบดีว่า เขาลุกขึ้นฟ้องกับเรื่องที่ผ่านมา และหลายท่านตั้งประเด็น ว่าทำไมเพิ่งมาฟ้องวันนี้ โดยขออนุญาตชี้แจงว่า หลังจากรับเงินเยียวยาแล้ว ชาวบ้านเข้าใจว่ากระบวนการยุติธรรมจะดำเนินไป เขาไม่ต้องการหวังผลชนะ หรือแพ้ แต่อยากให้พิสูจน์ความจริงในศาล จากการเฝ้ารอรำลึกจากงานตากใบทุกปี ผ่านมาหลายรัฐบาล โดยเฉพาะล่าสุดในรัฐบาลก่อนหน้า ที่เกิดการทำรัฐประหาร เข้าใจความรู้สึกชาวบ้านหรือไม่ ว่าไปถามใคร อย่างศูนย์ทนายความมุสลิม ซึ่งไม่มีใครตอบได้เลยซักคนว่าคดีความไปถึงไหน

นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ก่อนหน้านี้ใครที่ถูกทำโดยเจ้าหน้าที่ ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาฟ้องเอง แม้กฎหมายจะเปิดช่อง แต่เมื่อถึงยุคนี้ เขากล้าที่จะยื่นหนังสือมาถึงกรรมาธิการ เพื่อเรียกหน่วยงานมาชี้แจงข้อเท็จจริง

“การที่มาฟ้องตอนนี้ ไม่ได้เป็นประเด็นการเมืองเลย แต่เป็นประเด็นจังหวะเวลา ที่ไว้วางใจในรัฐบาลชุดนี้ เมื่อความกระจ่างชัดอย่างนั้น พอเห็นว่าสำนวนไปถึงไหน จึงเกิดความไม่ไว้วางใจในการสืบสวนหาผู้กระทำความผิด และเกิดการฟ้อง เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ซึ่งนี่คือที่มาที่ไป” นายกมลศักดิ์ กล่าว

นายกมลศักดิ์ กล่าวอีกว่า เราต้องศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้นกับคดีตากใบตอนใกล้ขาดอายุความ ศึกษาทัศนคติของคนทำงานอยู่ในพื้นที่ ศึกษากฎหมายว่าจะทำอย่างไร ที่จะนำไปสู่การแก้ไข ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ได้บทเรียนในเรื่องการคุ้มครองสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เป็นที่มาว่าไม่ได้รับการคุ้มครองในกรณีที่มีการออกหมายจับ และศาลประทับฟ้อง หลายอย่างในกรณีตาก มีประโยชน์มาก ตนเองถึงบอกว่า กรณีนี้มันจะไม่สูญเปล่า ถ้าสภาเราเดินหน้าศึกษาเป็นบทเรียน ในคณะกรรมาธิการ ก็ยังมีการศึกษาเรื่องการไต่สวนการตายของคนเสื้อแดง ซึ่งยังมีอีกหลายคดีที่กฎหมายไปไม่ถึง และตนเองขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

“ส่วนเรื่องนี้เป็นการศึกษาเรื่องการขาดอายุความ ตากใบต้องเงียบ ตากใบต้องไปต่อ โดยฝ่ายนิติบัญญัติ เราเป็นคนขับเคลื่อนอีกทางหนึ่ง ถ้าเพื่อนสมาชิกเห็นว่า ทางกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สมควรไปศึกษาต่อในเรื่องนี้ก็ยินดี เราก็จะได้ทำงานร่วมกันศึกษาต่อเรื่องนี้ เพื่อเสนอสู่สภา และไปยังฝ่ายบริหารต่อไป” นายกมลศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

หลังจากนั้น นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า จากการอภิปรายญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องกรณีตากใบ เพื่อให้สภาได้พิจารณา และส่งข้อเสนอต่อรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหนึ่ง จากการที่ได้รับฟังการอภิปรายของสมาชิกมีความเห็นแนวทางเดียวกันเห็นว่า ญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องนี้ สมควรให้ส่งให้คณะกรรมาธิการการกฏหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาศึกษา

ดังนั้น นายพิเชษฐ์ จึงถามที่ประชุมว่า ญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องนี้ สมควรให้ส่งให้คณะกรรมาธิการการกฏหมายณ เพื่อพิจารณาศึกษาหรือไม่ หากไม่มี ถือว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องนี้ให้กับคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ เพื่อพิจารณาศึกษา

จากนั้น นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเองเห็นด้วยที่จะส่งต่อให้คณะกรรมาธิการการกฏหมายฯ แต่มีข้อเสนอว่า อยากให้ส่งให้ทางรัฐบาลด้วย

ขณะที่นายวรวงศ์ วรปัญญา สส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย เสนอระยะเวลาพิจารณา 90 วัน

สุดท้าย นายพิเชษฐ์ สรุปว่า จะส่งต่อเรื่องนี้ ให้กับคณะกรรมการกฎหมายฯ และรัฐบาล โดยกำหนดระยะเวลาการพิจารณา 90 วัน

Related Posts

Send this to a friend