POLITICS

‘รอมฎอน‘ เสนอญัตติด่วน กรณีตากใบใกล้หมดอายุความ ชี้ เป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐ

วันนี้ (25 ต.ค. 67) นายรอมฎอน ปันจอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ถ้านับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป จนถึงเที่ยงคืนวันนี้เหลืออีก 3 ชั่วโมง 15 นาที ที่อายุความของคดีอาญาร้ายแรง ที่เป็นผลมาจากโศกนาฏกรรมเมื่อ 20 ปีก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 85 คน ซึ่ง 366 วันที่แล้ว หรือวันนี้ของปีที่แล้ว ตนเองใช้เวลา 2 นาที ในการปรึกษาหารือกับท่านประธาน ร่วมกันรำลึกถึงเหตุการณ์ครบรอบ 19 ปี และเราเริ่มต้นนับถอยหลังอายุความที่เหลืออีก 1 ปี ซึ่งวันนี้เดินทางมาจนเหลืออีกไม่กี่ชั่วโมง

นายรอมฎอน กล่าวต่อว่า ขณะนี้คดีอาญา 2 สำนวน ที่ประชาชนฟ้องเองในศาลจังหวัดนราธิวาส มีจำเลย 7 คน ยังไม่พบตัว และไม่สามารถนำจำเลยมาที่ศาลได้ และคดีที่อัยการสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาก็ยังไม่ถูกจับกุม และไม่มีการมอบตัว ทั้ง 14 คนยังไม่ปรากฏตัวต่อศาล นี่คือปมปัญหาในวินาทีนี้ ซึ่งเหตุการณ์ตากใบเป็นส่วนหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่มีความรุนแรงเกิดขึ้นในชายแดนใต้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา มีคนเสียชีวิตมากกว่า 7,000 คน แต่เหตุการณ์ตากใบเป็นปมสำคัญ เป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนผ่านความสัมพันธ์ ระหว่างรัฐ กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นความทรงจำบาดแผลประวัติศาสตร์ที่ต้องชำระสะสางอย่างมีวุฒิภาวะ เพื่อเราจะสามารถเดินหน้าต่อไปในการสร้างสันติภาพ หาข้อยุติจากความขัดแย้งนี้ได้ เราต้องการทางออกทางการเมือง

นายรอมฎอน กล่าวว่า เรื่องนี้เรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของรัฐ เป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐ เป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นเรื่องหลักการสำคัญ ที่ยึดโยงให้รัฐเราเป็นรัฐเรา คือหลักนิติธรรม และเราต้องการเหตุ และผลในการใช้วุฒิภาวะในการรับมือปัญหานี้ ที่ตนเองต้องเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา นอกจากอายุความกำลังจะหมด จำเลยและผู้ต้องหาไม่มาที่ศาลแล้ว ตอนนี้เราพบว่ากระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ กำลังถูกท้าทาย และกำลังถึงภาวะติดตัน หลายเดือนมานี้ฝ่ายนิติบัญญัติ กลไกกรรมาธิการ ที่พยายามเปิดความจริง ฝ่ายตุลาการก็พยายามถึงที่สุดที่พยายามให้ความจริง และความยุติธรรมบังเกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็เกิดคำถามขึ้นมาในแวดวงระหว่างประเทศว่า ตกลงว่าประเทศเรายังปกครอง อยู่ภายใต้หลักนิติธรรมหรือไม่ หลายเรื่องที่เคยเกิดขึ้น ทั้งวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดที่ยังมีอยู่ ความรับผิดชอบที่ต้องมีจากเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำต่อประชาชนนั้น จะเกิดขึ้นหรือไม่

นายรอมฎอน กล่าวอีกว่า ต้องพูดถึงสถานการณ์ความไม่สงบ และความรุนแรงที่น่ากังวลใจในช่วงนี้ เมื่อคืนก่อนที่มีสถานการณ์รุนแรง และคาดการณ์ว่าจะมีสถานการณ์รุนแรงขึ้นอีก กระบวนการพูดคุยเจรจา ก็ยังไม่ชัดเจน แม้ว่าจะมีความพยายามเริ่มต้นขบวนการพูดคุยสันติภาพใหม่ แต่คงยากถ้าเกิดเหตุการณ์ตากใบคลี่คลาย และผูกปมใหม่แบบที่เกิดขึ้น และที่สำคัญมากกว่านั้น ตอนนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง มีข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างทั่วไป ทั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราเห็นว่าคดีตากใบเป็นประเด็นสำคัญของประเทศนี้ไปแล้ว

“แต่ที่สำคัญมากกว่าทั้งหมดเลย คือความเชื่อมั่นไว้วางใจต่ออำนาจรัฐที่กำลังถดถอย เรากำลังเผชิญกับข้อพิสูจน์ที่ว่า รัฐไทยไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนได้จริงหรือไม่ นี่คือคำถามใหญ่ที่เราต้องระดมพลังพละกำลังสมองต่าง ๆ เพื่อแสวงหาทางออกกับภาวะเสื่อมถอยนี้ สุดท้ายเราจะโอบอุ้มความรู้สึกของญาติผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ที่กำลังรอคอยความจริง และความยุติธรรมนี้ได้อย่างไร นี่เป็นหน้าที่ของเรา ที่จะนำเรื่องยาก ๆ แบบนี้ เรื่องที่ท้าทายแบบนี้ ที่เป็นปัญหาหลักของรัฐ มาคุยกันในสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ ในฐานะผู้แทนของชนชาวไทยในการหาทางออกร่วมกัน” นายรอมฎอน กล่าว

นายรอมฎอน ยืนยันว่า ปัญหานี้ เป็นปัญหาความขัดแย้งที่เราเจอ เป็นปัญหาทางการเมือง แต่ไม่ใช่ปัญหาระหว่างรัฐบาล กับฝ่ายค้าน พรรคนั้น พรรคนี้ นักการเมืองคนนั้น คนนี้ เรื่องเหล่านั้นเล็กเกินไป แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่กว่านั้น เป็นปัญหาระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ กับประชาชน ที่ไม่ลงรอยกัน อยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ที่เปราะบาง เราจึงควรอย่างยิ่งใช้พื้นที่สภาแห่งนี้ ที่เป็นหนทางที่ประเทศนี้สามารถใช้ได้ เพื่อรองรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด

”เราจำเป็นที่ต้องใช้ปากของเราพูด ใช้หูของเราฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง แทนที่จะปล่อยให้เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงของความรุนแรง ผูกขาดความจริง ผูกขาดคำอธิบายต่าง ๆ และแทนที่จะใช้ความเงียบหลบหนีปัญหา เราต้องเผชิญหน้ามันอย่างมีวุฒิภาวะ“ นายรอมฎอน กล่าว

นายรอมฎอม ยกตัวอย่างอีกว่า ในอดีตนายกฯ ทักษิณ เคยใช้รัฐสภา เปิดเวทีภายใต้กรอบธรรมนูญ 2540 ในวันที่ 30 – 31 มีนาคม 2548 หรือ 4 – 5 เดือนหลังเหตุการณ์ตากใบ ขอให้ทั้งสองสภา ร่วมอภิปรายปัญหาใหญ่ระดับชาตินี้ และตนเองคาดหวังว่า 20 ปีถัดมา มรดกตกค้างที่ต้องคลี่คลาย สะสาง จึงอยากเรียกร้องท่านประธาน และเพื่อนสมาชิก ว่า ปัญหาใหญ่ระดับนี้ ควรต้องใช้พื้นที่แห่งนี้ในการหาทางออก

“ความยุติธรรมที่เราต้องการ อาจไม่ใช่แค่การดำเนินคดีในชั้นศาลเท่านั้น แต่อาจจะหมายถึงการเปิดเผยความจริง การเยียวยาฟื้นฟู และการปฏิรูปเชิงสถาบันต่าง ๆ เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์ที่มีคนใช้อำนาจรัฐ ฆ่าประชาชนเกิดขึ้นอีก” นายรอมฎอน กล่าวทิ้งท้าย

Related Posts

Send this to a friend