POLITICS

‘พาณิชย์’ ปรับกลยุทธ์ขับเคลื่อนการส่งออก หวังโตตามเป้า 1-2%

กระทรวงพาณิชย์ผนึกกำลังเอกชน ปรับกลยุทธ์ขับเคลื่อนการส่งออก หวังโตตามเป้า 1-2%

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับภาคเอกชนตั้งแต่ปลายปี 2565 เพื่อเตรียมผลักดันการส่งออกในปีนี้ เนื่องจากคาดการณ์ว่าตัวเลขจะติดลบ ซึ่ง กรอ. พาณิชย์ เห็นชอบที่จะจัดทำแผนรองรับ และกำหนดตลาดเป้าหมาย 4 ตลาด คือ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ CLMV และจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีศักยภาพท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยได้มีการตั้งคณะทำงาน War Room เร่งรัดการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าว

ผลการดำเนินการภายใต้คณะทำงาน War Room ได้แก่ การจัดคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน เดินทางเยือนตลาดเป้าหมาย จำนวน 3 คณะ โดยมีรายละเอียดดังนี้

คณะแรกเป็นการเดินทางเยือนยูเออีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ นำโดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้มีการหารือกับรัฐมนตรีแห่งรัฐประจำกระทรวงเศรษฐกิจของยูเอเอี เรื่องการจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (CEPA) ไทย–ยูเออี นอกจากนี้ ภาคเอกชนทั้ง 2 ฝ่าย ได้มีการลงนามจัดตั้งสภาธุรกิจไทย–ยูเออี เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการค้าระหว่างกัน รวมถึงลงนามความร่วมมือด้านโลจิสติส์กับ DP World ของยูเออี

คณะที่สองเยือนมณฑลยูนนานเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งได้หารือผู้บริหารระดับสูงภาครัฐมณฑลยูนนานและนครคุนหมิงของจีน รวมถึงลงพื้นที่สำรวจด่านโม่ฮาน ทั้งด่านบกและด่านรถไฟ พร้อมหารือหน่วยงานท้องถิ่นของจีน เตรียมความพร้อมรองรับฤดูผลไม้ของไทย

คณะที่สามเยือนเวียดนามเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งได้พบผู้บริหารระดับสูงภาครัฐของเวียดนาม ณ กรุงฮานอย หารือการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าไทยข้ามแดนเวียดนามสู่จีนตอนใต้ รวมถึงลงพื้นที่สำรวจเส้นทางขนส่งสินค้าผลไม้ ณ จังหวัดลางเซินด้วย

กระทรวงพาณิชย์ยังได้มีการเตรียมความพร้อมกับภาคเอกชนเพื่อเตรียมการผลักดันการส่งออกในครึ่งปีหลัง 2566 โดยทูตพาณิชย์ได้มีการจัดประชุมรายภูมิภาคร่วมกันหลายครั้ง เพื่อให้ได้แผนงานและกลยุทธ์ในการผลักดันการส่งออกครึ่งปีหลัง 2566 ให้สามารถบรรลุเป้าส่งออกทั้งปี ที่ตั้งร่วมกันที่ 1-2%

นายกีรติกล่าวว่าผลการประชุมประเมินสถานการณ์และจัดทำแผนผลักดันการส่งออกครึ่งปีหลัง ได้ข้อสรุปแผน 7 ภูมิภาค พร้อมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 350 กิจกรรม ซึ่งคาดการณ์ว่าจะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 19,400 ล้านบาท

สำหรับการกำหนดเป้าส่งออกแต่ละภูมิภาคพร้อมมูลค่าคาดการณ์ ประกอบด้วย ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา เป้า +20% คิดเป็นมูลค่า 5,380 ล้านบาท เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย เป้า +2.2% คิดเป็นมูลค่า 4,163 ล้านบาท จีนและฮ่องกง แบ่งเป็นเป้าจีน +1% และเป้าฮ่องกง +2% คิดเป็นมูลค่ารวม 3,238 ล้านบาท ยุโรป เป้า +1% คิดเป็นมูลค่า 2,450 ล้านบาท อเมริกา แบ่งเป็น เป้าอเมริกาเหรือ +4.5% และเป้าลาตินอเมริกา +4% คิดเป็นมูลค่ารวม 2,380 ล้านบาท เอเชียใต้ เป้า +10% คิดเป็นมูลค่า 980 ล้านบาท อาเซียน เป้า+6.6% คิดเป็นมูลค่า 808 ล้านบาท

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ รักษาตลาดเดิม และฟื้นฟูตลาดเก่า ด้วยกลยุทธ์สำคัญ อาทิ การเร่งจัดคณะผู้แทนการค้าเพื่อขยายตลาดศักยภาพ การส่งเสริมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน การจับคู่เจรจาธุรกิจทั้งออฟไลน์และออนไลน์ การผลักดันการส่งออกสินค้า BCG และสินค้านวัตกรรมใหม่ การส่งเสริมธุรกิจบริการมูลค่าสูง โดยเฉพาะดิจิทัลคอนเทนต์ HORECA ร้านอาหาร Thai Select และการปูพรมเจาะตลาดเมืองรอง โดยเฉพาะในอาเซียน สหรัฐฯ และยุโรป

นายกีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า หัวใจสำคัญ คือ การเชื่อมโยงการทำงานระหว่างทูตพาณิชย์กับพาณิชย์จังหวัด ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ผลักดันเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะ SMEs ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เนื่องจากทูตพาณิชย์ และพาณิชย์จังหวัด มีจุดแข็งของการเป็นคนในพื้นที่ โดยทูตพาณิชย์ในฝั่งตลาด และพาณิชย์จังหวัดอยู่ใกล้ชิดผู้ประกอบการ การทำงานร่วมกันเป็นทีมการตลาดของประเทศ จะเป็นการเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน ในการผลักดันสินค้าท้องถิ่นของไทยที่มีอัตลักษณ์ มีนวัตกรรม และมีกระบวนการการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ออกสู่ตลาดต่างประเทศให้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางตลาดนำการผลิต

Related Posts

Send this to a friend