POLITICS

‘อนุทิน’ พาไทยจับมือ WHO ตั้ง BIOHUB พัฒนายา วัคซีน สู้โรคระบาด

‘อนุทิน’ ปิดจ็อบประชุมสมัชชาอนามัยโลก พาไทยจับมือ WHO ตั้ง BIOHUB พัฒนายา วัคซีนสู้โรคระบาด ด้าน ‘ดร.เท็ดรอส’ โพสต์ขอบคุณ ไทยฉีดวัคซีนโควิดฯ ถึงเป้า

วันนี้ (25 พ.ค. 65) ที่ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) สมัยที่75 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้หารือกับ ดร.เท็ดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ในประเด็นการร่วมพัฒนาขีดความสามารถถในการป้องกันโรคระบาดในอนาคต โดยล่าสุด ที่เฟซบุ๊กของนายอนุทินปรากฏภาพนายอนุทิน ขณะกำลังไหว้ ทักทาย ดร.เท็ดรอส ไปจนถึงสมาชิกที่เข้าร่วมหารือ พร้อมข้อความว่า 

“Soft Power of using Thainess  ยิ้มก่อน ไหว้ก่อน เรื่องที่คิดว่ายากก็จะง่ายขึ้นเยอะ เข้าเยี่ยมคารวะ Dr. Tedros Ghebreyesus เลขาธิการองค์การอนามัยโลก หรือ WHO อย่างเป็นทางการที่สำนักงานใหญ่ของWHO ในเจนีวาวันนี้

ประเทศไทยได้รับคำชื่นชมและเชื่อมั่นในการบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาดโควิดจากองค์การอนามัยโลกและได้มีการส่งทีมงานสำรวจมาทำการศึกษาระบบการจัดการและการควบคุมโรคของไทยซึ่งผลสรุปของคณะทำงานที่ออกมาเรียบร้อยแล้วจะถูกนำไปวางเป็นแนวทางและมาตรฐานร่วมในการออกข้อปฏิบัติสำหรับการบริหารจัดการโรคระบาดของ WHO สำหรับประเทศสมาชิกทั่วโลกต่อไป โดยเฉพาะในประเด็นการควบคุมป้องกันโรค การตอบสนองต่อโรคระบาด การฉีดวัคซีน การรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ และ ระบบ อสม. ที่เข้มแข็ง

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์กลางทางชีวภาพWHO BIOHUB ร่วมกัน เพื่อรวบรวมเชื้อโรคต่างๆที่มีอยู่แล้วนำมาวิเคราะห์ ศึกษา วิจัย เพื่อพัฒนาให้เป็นยาและวัคซีนต่อไป โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ได้ลงนามในความร่วมมือนี้เพราะมีความพร้อมมากที่สุด” 

ขณะที่ทวีตเตอร์ ของ ดร.เท็ดรอส ปรากฏภาพ และข้อความแปลเป็นไทยว่า จากบทเรียนโควิด -19  ประเทศไทย ได้ลงนามความร่วมมือแบ่งปันความรู้ด้านชีวภาพ  BioHub  ความร่วมมือนี้ จะช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโรคต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และทำการวิจัยเพื่อพัฒนาเครื่องมือ ในการรับมือวิกฤตด้านสาธารณสุข และ ขอบคุณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ของไทย  นายอนุทิน ชาญวีรกูล สำหรับความพยายามอย่างเข้มแข็ง ในการควบคุมโควิด-19 จน บรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีน 70% และมุ่งมั่นให้เกิดความเท่าเทียมด้านวัคซีน  และยินดีกับความร่วมมือในการถ่ายทอดข้อมูลเรื่องระบบหลักประกันสุขภาพ 

Related Posts

Send this to a friend