POLITICS

‘พิธา‘ คัมแบ็กสภาฯ ในรอบ 6 เดือน เตรียมอภิปรายขยะล้นเมืองพรุ่งนี้

‘พิธา‘ สวมเนกไทฟ้าคัมแบ็กสภาฯ ในรอบ 6 เดือน เผยความรู้สึกได้สัมผัสไออุ่นที่คุ้นเคย เตรียมอภิปรายขยะล้นเมืองพรุ่งนี้ พร้อมจับตาโครงการเรือธงรัฐบาล แลนด์บริดจ์-ดิจิทัลวอลเล็ต‘ ไร้กังวลตัดสินคดี 112 31 ธ.ค.นี้ เพราะทำเต็มที่แล้ว

วันนี้ (25 ม.ค. 67) เวลา 10.25 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางถึงอาคารรัฐสภากลับมาปฏิบัติหน้าที่ สส.ครั้งแรก หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไอทีวีไม่ใช่สื่อ และสมาชิกภาพการเป็น สส.ยังไม่สิ้นสุดลง โดยนายพิธา เปิดเผยถึงความรู้สึกว่าเป็นไออุ่นที่คุ้นเคย รวมเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงตอนนี้น่าจะ 6 เดือนแล้ว ที่ไม่ได้มีโอกาสแถลงข่าวที่สภาฯ

โดยในวันนี้นายพิธา สวมเนกไทสีฟ้าเส้นเดียวกับวันที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. เพราะออกไปแบบไหนก็กลับมาด้วยแบบนั้น รู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 แต่ เราบริหารสถานการณ์ได้ 6 เดือนใช้ในการพบปะพี่น้องประชาชน ทำงานร่วมกับเพื่อน สส.ในการลงพื้นที่ เช่น สมุทรปราการ และภูเก็ต ที่เห็นปัญหาขยะล้นเมือง จะใช้ข้อมูลที่ได้มารวมกับข้อมูลงบประมาณ เพื่ออภิปรายในวันพรุ่งนี้ในญัตติของพรรคภูมิใจไทย

สำหรับภารกิจแรกในวันนี้ จะคุยกับเพื่อน สส.ทักทายให้หายคิดถึง แวะไปพูดคุยกับนักศึกษาและเยาวชน รอจังหวะเดินเข้าห้องประชุมใหญ่ โดยไม่รบกวน สส.ที่อภิปราย หรือถามกระทู้อยู่ ก่อนที่จะเตรียมตัวอภิปรายเรื่องขยะ และแถลงแผนงานของพรรคก้าวไกล

ทั้งนี้กรณีเกิดปัญหาคุกคามทางเพศของคนในพรรค นายพิธา ยอมรับและแสดงความเสียใจกับพี่น้องประชาชน ช่วงที่เกิดสถานการณ์ไม่ได้หายไปไหนไหน นายชัยธวัช ตุลาธนเป็นหัวหน้าพรรค ตนเองไม่อยากเป็นสถาบันที่มีหัวหน้า 2 คน จึงต้องรู้ที่ของตนเองให้คำปรึกษากับนายชัยธวัช เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ หรือการรักษา เหตุเกิดขึ้นต้องเทคแอคชั่นให้เร็ว เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับปรุงโดยไม่แก้ตัว

นายพิธา ยืนยันว่าจะไม่ดำเนินคดีกับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะผู้ร้อง เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วในอดีต
ขอโฟกัสกับเรื่องปัจจุบัน ส่วนโอกาสที่จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก็เป็นไปตามกระบวน พรรคก้าวไกลจะจัดประชุมวิสามัญเดือนเมษายนนี้ ทั้งตนเอง และนายชัยธวัชไม่ได้ยึดติดตำแหน่งทั้งคู่ นายชัยธวัช ทำหน้าที่ได้ดี เป็นคนทำงานแหลมคม เป็นตัวของตัวเอง อย่างไรก็แล้วแต่สมาชิก แต่ไม่มีเหตุจำเป็นให้เลื่อนการประชุมวิสามัญพรรค เพราะเดือนเมษายน เป็นวาระที่เหมาะสมที่คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลทำงานครบ 4 ปีตามวาระ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีของตนเอง

สำหรับสิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาล ฝ่ายค้านเราไม่ได้ค้านทุกเรื่อง ค้านเฉพาะสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ค้านเพื่อแนะนำว่ามีทางเลือกหลายทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา การสร้างเศรษฐกิจชายแดนภาคใต้ไม่กระทบภูมิรัฐศาสตร์ เชื่อว่าเรามีวาระร่วมเพื่อประชาชนมากมาย โดยไม่ต้องคำนึงว่ามาจากพรรคไหนฝั่งไหน เช่น สมรสเท่าเทียม อากาศสะอาด สุราก้าวหน้า หรือการทำประชามติ สามารถทำการเมืองสร้างสรรค์ เอาประชาชนเป็นที่ตั้งได้แน่นอน

ขณะที่โครงการแลนด์บริดจ์ของรัฐบาล จะจับตาเป็นพิเศษ เพราะเป็นหนึ่งในโครงการเรือธงของรัฐบาล ประกอบด้วย ดิจิทัลวอลเล็ต แลนด์บริดจ์ และซอฟต์พาวเวอร์ เป็นเรื่องที่ต้องพูดกันเป็นพิเศษมองในมุมกว้างและลึก ดูเป้าหมายโครงการว่าต้องการสร้างเศรษฐกิจภาคใต้ หรือแย่งมาร์เก็ตแชร์การเดินเรือ ต้องพิจารณางบประมาณ ระยะเวลาคืนทุนจากสัมปทาน 50 ปี ต้องใช้เวลา 24 ปี ยังเป็นไปตามสมมุติฐานนี้หรือไม่

ส่วนโครงการดิจิทัล ส่วนตัวมีความเห็นว่าประชาชนเดือดร้อน เศรษฐกิจโตช้าซบเซามาเป็นเวลานาน กสิกรไทยระบุว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะโตช้าที่สุดในรอบ 10 ปี เป็นปัญหาจากการเมืองไทย ที่ไม่มีการปรับโครงสร้าง กังวลว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยการใช้งบประมาณระยะยาวทำให้ไม่มีพื้นที่การคลังในการแก้ไขปัญหาระยะยาว จะไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสม จึงอยากชวนรัฐบาลคิดว่ามีแผนสอง กรณีที่หาเสียงมาไม่ผ่านอยากให้พิจารณาการกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานราก ไม่อยากให้ดูถูกโครงการเล็ก ๆ เพื่อไม่ต้องสร้างภาระทางการเงินเพิ่ม

อย่างไรก็ตามคดีที่มีผู้ร้องนายพิธา กับพรรคก้าวไกล ก้าวไกล ใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียง ซึ่งจะมีการตัดสินในวันที่ 31 มกราคมนี้นั้น นายพิธา กล่าวว่า ความรู้สึกเหมือนกับคดีไอทีวี เราแยกแยะได้ว่าอะไรที่ควบคุมได้ ควบคุมไม่ได้ สิ่งที่เราควบคุมได้เราทำเต็มที่แล้วจึงมีความมั่นใจ ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นช่วงไหน แต่จะเน้นเรื่องคอรัปชั่น ความล้มเหลวในการใช้งบประมาณแผ่นดิน ขอเตรียมข้อมูลไปเรื่อย ๆ เพื่อดูจังหวะที่เหมาะสม พร้อมยืนยันว่าการทำงานของพวกเราไม่ต้องการล้มรัฐบาล แต่เอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

โดยก่อนที่นายพิธา จะขึ้นลิฟต์ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายพิธาว่าครั้งนี้เข้าสภาฯ แล้วไม่มีออกใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวตอบว่า “ถ้าจะออก ออกไปทำเนียบอย่างเดียวครับ”

Related Posts

Send this to a friend